อดีตอธิการบดี ถูกมิจฉาชีพหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินเกือบ 40 ล้าน ธนาคารพบความผิดปกติ รีบแจ้งเจ้าของบัญชี-ตร. อายัดคืนได้แค่ 1.9 ล้านบาท จเรตำรวจฯ เร่งสอบ สั่งกวาดล้างบัญชีม้า

วันที่ 12 ก.ย. 68 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ติดตามคดีฉ้อโกงในการหลอกร่วมลงทุน พบผู้เสียหายเป็นชาย อายุ 85 ปี ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงลงทุนเทรดหุ้น เสียหายเกือบ 40 ล้านบาท โดยวันนี้ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล, พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการ สน.บางซื่อ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคลี่คลายคดี ณ สน.บางซื่อ

สืบเนื่องจากผู้เสียหายมีการลงทุนเกี่ยวกับหุ้นมาก่อนเป็นปกติ รวมถึงมีหุ้นในการถือครองอยู่หลายรายการ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 ได้พบเฟซบุ๊กรายหนึ่ง อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มการลงทุนในตลาดหุ้น และนำมาเสนอให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจในการเข้าร่วมลงทุนดังกล่าว ผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ทักเข้าไปพูดคุยขอคำปรึกษาอยู่หลายครั้ง จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้เชิญเข้ากลุ่มไลน์ซึ่งมีสมาชิกจำนวนประมาณ 100 คน แนะนำให้โหลดแอปพลิเคชันหนึ่ง แล้วเปิดบัญชีเพื่อใช้ในการเทรดหุ้น จากนั้นกลุ่มดังกล่าวได้ให้โอนเงินเข้าบัญชีที่สมัครไว้

ต่อมามิจฉาชีพชักชวนให้ลงทุน Big Lot คือเป็นการลงทุนเทรดหุ้นในจำนวนเงินสูง อ้างผลตอบแทนสูง โดยจะมีบุคคลส่งข้อมูลให้ทำการซื้อในช่วงเวลานั้นๆ มาให้ เพื่อสมาชิกในกลุ่มได้ร่วมทำการสั่งซื้อขายรายการนั้นพร้อมกัน ส่วนการโอนเงินนั้นจะเป็นการโอนเงินเข้าไปยังบัญชีที่มีการส่งมาให้ในแต่ละครั้ง ซึ่งบัญชีปลายทางเป็นบัญชีนิติบุคคล ทำให้ดูน่าเชื่อถือ จึงได้โอนเงินไปยังบัญชีทั้งหมด 46 รายการ ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2568 รวมเป็นจำนวนเงิน 38,465,000 บาท

...


โดยการโอนเงินครั้งสุดท้าย ธนาคารเจ้าของบัญชีของผู้เสียหายได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย เนื่องจากพบความผิดปกติของการโอนเงิน ซึ่งมีการโอนเงินจำนวนมาก จำนวนหลายครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน และตรวจสอบพบว่าบัญชีนิติบุคคลปลายทางเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดมาไม่นาน จึงขอให้ผู้เสียหายหยุดการโอนเงิน ทำให้ไม่สามารถโอนเงินครั้งนั้นได้สำเร็จ จากนั้นทางธนาคารจึงได้ประสานกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ตรวจสอบ 

เมื่อตำรวจได้รับการประสานจากธนาคารเจ้าของบัญชีผู้เสียหายว่าพบความผิดปกติของการโอนเงิน และได้แจ้งเจ้าของบัญชีในเบื้องต้นแล้ว ตำรวจจึงได้ประสานสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้แจ้งความดำเนินคดี โดยในครั้งแรกผู้เสียหายยังไม่เชื่อว่าถูกหลอก จึงได้ลองถอนเงินในบัญชีบนแอปพลิเคชันดังกล่าว ที่มียอดเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 80 ล้านบาท แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ อ้างว่าโอนเงินเข้าบัญชีมาไม่ครบ และบอกให้โอนเงินมาเพิ่มอีก ผู้เสียหายจึงได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางซื่อ ขณะนี้ชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับชุดสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และชุดสืบสวน สน.บางซื่อ กำลังตรวจสอบเส้นเงิน 

ล่าสุดพบบัญชีม้านิติบุคคล จำนวน 22 บัญชี ของ 20 บริษัท ซึ่งได้ทำการอายัดเรียบร้อยแล้ว และเบื้องต้นธนาคารอายัดเงินของผู้ต้องหาได้ทันจำนวน 1.9 ล้านบาท 

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าว และติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นอีกคดีที่พบความเสียหายจำนวนมาก ประกอบกับคดีการหลอกลงทุนยังเป็นคดีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้เสียหายจำนวนมาก และความเสียหายมูลค่ามหาศาล พร้อมขอเตือนพี่น้องประชาชนระมัดระวังในการลงทุนทุกประเภท โดยเฉพาะการเทรดหุ้น ควรตรวจสอบบริษัท โบรกเกอร์ ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น 

พร้อมกันนี้ คาดโทษบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นม้าบุคคล หรือม้านิติบุคคล จะต้องมีการสืบสวนนำตัวมาดำเนินคดีทุกราย ซึ่งปัจจุบันมีโทษหนักทั้งปรับและจำคุก ไม่มีละเว้น

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้เสียหายที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลงทุนนั้น เป็นอดีตอธิการบดี