เคยเขียนบอกแล้ว มหาอำนาจผู้ผลิตแบตเตอรี่ “ลิเทียมไอออน” สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานพาหนะไฟฟ้า จะอยู่ภายใต้การควบคุมของจีนในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะพญามังกรถือครอง “องค์ประกอบ” สิ่งที่เรียกว่า “ธาตุหายาก”--Rare earths เอาไว้มากถึงราว 95 เปอร์เซ็นต์
“ธาตุหายาก” ที่ถูกกำหนดในโลกยุคนี้ 17 ชนิด เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน โทรศัพท์มือถือ หลอดไฟฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ กังหันลม ยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์ทางทหาร รวมถึงระบบนำวิถี อุปกรณ์เลเซอร์ อุปกรณ์ดาวเทียม ส่วนประกอบเครื่องยนต์ไอพ่นและใช้ในอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมัน ฯลฯ
ผลผลิต “ธาตุหายาก” จากจีนมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกไปสหรัฐฯ และสหรัฐฯยังไม่กล้าปรับขึ้นภาษีสินค้าเหล่านี้ แต่จีนปรับขึ้นราคา “ธาตุหายาก” บางชนิดแล้ว 10-26.5 เปอร์เซ็นต์
ศักยภาพการผลิต “ธาตุหายาก” ของจีนเฉลี่ยปีละราว 220,000 ตัน มากกว่าปริมาณการผลิตของทั้งโลกถึงราว 5 เท่า ถ้าโลกต้องวิ่งไล่ตามกำลังการผลิตของจีนให้ทันต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี
แหล่งที่มาของวัตถุดิบ “ธาตุหายาก” ส่วนใหญ่พบหนาแน่นตามพื้นผิวดินทั้งในสหรัฐฯ ออสเตรเลีย บราซิล แอฟริกาใต้ รัสเซีย อินเดียและเวียดนาม แต่กระบวนการสกัดรวบรวมปริมาณธาตุหายากต้องใช้ “ต้นทุนสูง” และเต็มไปด้วยขยะพิษ ทำให้วัตถุดิบถูกส่งไปแปรรูปรวบรวมในจีน ทำให้จีนควบคุมการผลิตธาตุหายากได้เกือบทั้งโลก
ก่อนหน้านี้ ปี 2557 องค์การการค้าโลก (WTO) ได้รับร้องเรียนจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น กล่าวหาจีนพยายามจำกัดส่งออกธาตุหายากทำให้กระทบกระบวนการผลิตสินค้าของชาติคู่แข่งธุรกิจ
...
องค์การการค้าโลกช่วยเจรจากำหนดให้จีนต้องส่งออกสินค้าธาตุหายากตามโควตาอย่างเข้มงวด
ญี่ปุ่นเคยได้รับประสบการณ์แบบนี้แล้วเมื่อช่วงปี 2553 จีนหยุดส่งธาตุหายากให้ญี่ปุ่นด้วยเหตุผลทางการเมือง นำมาสู่ “การตื่นตระหนก” ของชาวโลกต้องทำความเข้าใจหาทางรับมือสถานการณ์แบบนี้ ภาครัฐบาลและเอกชนสหรัฐฯเริ่มยกระดับ “กักตุนวัตถุดิบและเพิ่มการผลิต” หวังพึ่งพารวบรวมธาตุหายากในประเทศมากขึ้น
แต่อย่างที่ว่า กว่าจะไล่ทันจีนต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี...
อานุภาพ เงินกระแชง