ไฟป่าในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ยังคงลุกลามอย่างรวดเร็ว เผาผลาญวัดเก่าแก่ และคุกคามอาคารมรดกโลก ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 24 ศพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีใต้กำลังเผชิญเหตุไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 24 ศพ บาดเจ็บอีก 26 รายในจำนวนนี้อาการอยู่ในขั้นวิกฤตถึง 12 คน และมันกำลังสร้างความเสียหายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งทำให้มรดกโลก 2 แห่งตกอยู่ในความเสี่ยง
ไฟป่านับสิบจุดปะทุขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เผาผลาญพื้นที่ป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ บีบให้ประชาชนกว่า 27,000 คน ต้องอพยพอย่างเร่งด่วนในขณะที่เปลวไฟตัดขาดถนนหลายสาย และโค่นล้มเสาสัญญาณสื่อสาร
จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 24 ศพในวันพุธที่ 26 มี.ค. 2568 หลังกระแสลมพัดหนุนให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมพื้นที่ 42,991 เอเคอร์ ทำให้มันกลายเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ และเป็นไฟป่าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
...
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านท้องถิ่น แต่มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิตด้วย 3 นาย และล่าสุดเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงตกบนภูเขาระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ทำให้นักบินเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ต้องหยุดปฏิบัติการทางอากาศทั้งหมดชั่วคราว
ไฟป่ายังลุกลามเข้าสู่หลายชุมชน สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน โดยเฉพาะในเขตอวีซอง (Uiseong) ไฟได้ทำลายวัด “โกอุนซา” (Gounsa) หนึ่งในวัดขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดคยองซังเหนือ ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 618 ขณะที่อาคารสถาปัตยกรรมพุทธ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติจากยุคโชซอนอีกแห่งก็ถูกทำลายเช่นกัน
มรดกโลกที่ถูกกำหนดโดยยูเนสโก 2 แห่ง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาหลีใต้ ได้แก่ หมู่บ้านชนพื้นเมือง “ฮาฮเว” (Hahoe) ในเมืองอันดง และโรงเรียนโบราณ “พย็องซานซอวอน” (Byeongsan Seowon) ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงถูกเพลิงไหม้เช่นกัน
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุในคืนวันพุธว่า ไฟอยู่ห่างจากหมู่บ้านฮาฮเวเพียง 5 กม. เท่านั้น ขณะที่นักดับเพลิงถูกส่งไปประจำการใกล้กับพย็องซานซอวอนแล้ว
ทั้งนี้ พื้นที่ที่กำลังเกิดไฟป่าในเกาหลีใต้ กำลังเผชิญภาวะอากาศแห้งผิดปกติ โดยมีฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ในปีนี้พวกเขาผจญกับไฟป่ามากกว่าเมื่อปีก่อนร่วมเท่าตัวแล้ว ทั้งที่ปีก่อนเกาหลีใต้ทำสถิติเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา โดยมีอุณหภูมิตลอดปีเฉลี่ยที่ 14.5 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปีถึง 2 องศา
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign