องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน หรือ GAVI เตือนว่า การที่สหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือทางการเงิน อาจทำให้มีเด็กเสียชีวิตจากโรคที่สามารถป้องกันได้นับล้านคน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.ซาเนีย นิชตาร์ ประธานองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน หรือ “กาวี” (Gavi) องค์กรการกุศลที่คอยจัดซื้อวัคซีนให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา ออกมาเตือนว่า การที่สหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือทางการเงิน อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงทางสุขภาพโลก และเด็กนับล้านคนอาจต้องเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้

คำพูดของ ดร.นิชตาร์เกิดขึ้นหลังจากสำนักข่าว นิวยอร์ก ไทม์ส เผยแพร่รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์ตั้งใจที่จะตัดงบประมาณที่มอบให้แก่ กาวี โดยสหรัฐฯ เป็นผู้บริจาครายใหญ่อันดับที่ 3 ขององค์กรนี้

ในปัจจุบัน กาวียังไม่ได้รับแจ้งเรื่องการตัดงบประมาณจากสหรัฐฯ แต่ ดร.นิชตาร์ระบุว่า พวกเธอกำลังประสานงานกับทำเนียบขาวและสภาคองเกรส เพื่อขอการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการทำกิจกรรมของ กาวี ในปี 2565 และขอการสนับสนุนระยะยาว

สหรัฐฯ เคยให้คำมั่นว่า จะมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ กาวี ในช่วงปี 2566-2570 ซึ่งคิดเป็น 15% ของงบประมาณทั้งหมดที่คาดว่า กาวี จะได้รับในช่วงเวลานั้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เมื่อเดือนมกราคม 2565 เขาก็แสดงความชัดเจนว่าการใช้จ่ายในต่างประเทศของสหรัฐฯ จะต้องสอดคล้องกับแนวคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” ของเขา

และองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรช่วยเหลือต่างๆ ก็เป็นหน่วยงานแรกที่ถูกรัฐบาลทรัมป์ตัดงบประมาณ โดยเขาสั่งระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมด เป็นเวลา 90 วัน

...

ดร.นิชตาร์เตือนว่า มีเด็กกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรค แต่การเสียการสนับสนุนจากสหรัฐฯ จะทำให้เด็ก 75 ล้านคนพลาดการฉีดวัคซีน ทำให้เสี่ยงเกิดการเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้อย่าง โรคหัด, วัณโรค, ปอดบวม และโปลิโอ

นอกจากนั้นยังทำให้ความสามารถของรัฐบาลกับหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ในการรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขโลก ด้วยการเก็บสะสมวัคซีนต้านโรคอย่าง อีโบลา, อหิวาตกโรค และฝีดาษลิง ลดลงไปอีก

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc