โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบรรลุกรอบข้อตกลงการค้ากับ EU แล้ว หลังเจรจามานานหลายเดือน โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรป 15%

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุกรอบการทำงานของข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรปแล้ว หลังจากการพูดคุยกับนาง เออร์ซูลา วอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เมืองเทิร์นเบอร์รี ของสกอตแลนด์

นายทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีสินค้าของ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 15% ยุติมหากาพย์การเจรจาซึ่งดำเนินมานานหลายเดือนระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเขาอย่าง EU ซึ่งพยายามหาทางคงอัตราภาษีไว้ที่ 10%

“เราเห็นชอบร่วมกันว่า ภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์และอย่างอื่นทั้งหมด จะอยู่ที่ 15%” นายทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนางวอน แดร์ เลเยน โดยผู้นำสหรัฐฯ บอกด้วยว่า EU จะเห็นชอบเรื่องการซื้อพลังงานมูลค่า 7.5 แสนล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ และจะลงทุนเม็ดเงินเข้าสู่สหรัฐฯ เพิ่มจากที่ลงทุนอยู่แล้วอีก 6 แสนล้านดอลลาร์

“ทุกประเทศ (ใน EU) จะเปิดต้อนรับการค้ากับสหรัฐฯ โดยมีภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ และพวกเขาตกลงที่จะซื้ออุปกรณ์ทางทหารจำนวนมากด้วย” นายทรัมป์เสริม และว่าข้อตกลงกับสหภาพยุโรปนี้คือข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ทั้งนี้ นายทรัมป์ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร เริ่มการพูดคุยกับนางวอน แดร์ เลเยน ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) ในขณะที่เส้นตายบังคับใช้กำแพงภาษีต่างตอบแทนวันที่ 1 ส.ค. กำลังใกล้เข้ามา โดยหากไม่มีข้อตกลง สินค้าจาก EU จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีสูงถึง 30% และนายทรัมป์เคยพูดไว้แล้วว่า จะไม่ลดภาษีให้ EU จนเหลือต่ำกว่า 15%

...

นางวอน แดร์ เลเยน ยอมรับว่าการเจรจากับนายทรัมป์เป็นเรื่องยาก “ฉันทราบเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว และมันยากมากอย่างที่คิดจริงๆ แต่เราก็มาถึงข้อสรุปที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้”

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปบอกอีกว่า ข้อตกลงนี้จะนำมาซึ่งเสถียรภาพ มันจะทั้งให้สิ่งต่างๆ สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจของทั้งสองประเทศ

นายทรัมป์ยืนยันในวันอาทิตย์ด้วยว่า จะส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีรอบใหม่ให้วันศุกร์ (1 ส.ค.) โดยประเทศที่ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงการค้า จะต้องเผชิญกับอัตราภาษีใหม่


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cnn