เซเลนสกีผู้นำยูเครน ลงนามกฎหมายฉบับใหม่ คืนอำนาจอิสระให้แก่หน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชัน 2 แห่งแล้ว หลังรัฐบาลเผชิญการประท้วงอย่างหนักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดสงครามกับรัสเซีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ลงนามกฎหมายฟื้นฟูอำนาจอิสระของหน่วยงานต่อต้านการคอร์รัปชันหลัก 2 แห่งให้กลับคืนดังเดิมแล้ว ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ก.ค. 2565 หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาตัดสินใจแต่งตั้งคนคุมหน่วยงานทั้งสองจนทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามกับรัสเซียเริ่มขึ้น
กระแสต่อต้านการออกกฎหมายแต่งตั้งอัยการสูงสุดขึ้นเป็นผู้ควบคุมสำนักงานต่อต้านการคอร์รัปชันแห่งชาติ (NABU) กับสำนักงานอัยการต่อต้านคอร์รัปชัน (SAP) ยังคงรุนแรงมาจนถึงตอนนี้ จนทำให้วันพฤหัสบดีที่สมาชิกสภายูเครนมีมติผ่านร่างกฎหมายฟื้นอำนาจอิสระให้กับหน่วยงานทั้งสองด้วยคะแนนเห็นชอบ 331 เสียง จาก ส.ส.ทั้งหมด 340 คน ก่อนที่เซเลนสกีจะลงนามบังคับใช้กฎหมาย
ตอนที่อนุมัติกฎหมายควบคุมเมื่อสัปดาห์ก่อน เซเลนสกีอ้างว่าเป็นขั้นที่จำเป็นต้องทำเพื่อกำจัดอิทธิพลของรัสเซียออกจากหน่วยงานทั้งสอง และมีลูกจ้าง 2 คนของหนึ่งในหน่วยงานดังกล่าวถูกจับกุมตัว ในฐานะผู้ต้องสงสัยทำงานให้หน่วยข่าวกรองของรัสเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันพฤหัสบดี เซเลนสกีโพสต์ข้อความผ่าน X ว่า เขาได้ฟังเสียงของชาวยูเครนแล้ว และการย้อนคืนกฎหมายที่เป็นข้อถกเถียงฉบับนั้น คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง
กฎหมายฉบับล่าสุดที่เขาลงนาม รับประกันว่า NABU กับ SAP จะมีกลไกการทำงานอิสระอย่างเหมาะสม และจะมีการตรวจจับเท็จสำหรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่เข้าถึงความลับของรัฐ หรือมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียทุกคนเป็นประจำ
...
ทั้งนี้ ยูเครนถูกมองเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดในยุโรปมานานแล้ว และสหภาพยุโรปเคยเตือนยูเครนหลายครั้งว่า ต้องบังคับใช้มาตรการต่อต้านการคอร์รัปชันที่เข้มแข็งกว่านี้ หากต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของพวกเขา
หลังการเคลื่อนไหวล่าสุดของยูเครน นางเออร์ซูลา วอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กับนายอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป ก็ออกมาโพสต์ผ่าน X เพื่อแสดงความยินดีกับการลงนามกฎหมายฉบับใหม่ของยูเครน โดยระบุว่า การปฏิรูปการต่อต้านคอร์รัปชันในยูเครนควรดำเนินต่อไป เพราะมันมีความสำคัญในกระบวนการเข้าร่วมเป็นสมาชิก EU ของยูเครน
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn