ชาวรัฐอะแลสกาจำนวนหนึ่งกำลังอพยพออกจากบ้าน หลังน้ำในอ่างเก็บน้ำเริ่มทะลักออกจากธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ซึ่งทำหน้าที่เป็นเขื่อนกั้น จนเกิดความกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ทุบสถิติ
สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) ที่เมืองจูโน รัฐอะแลสกา สหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยน้ำท่วมหลังจากน้ำที่ทะลักออกมาจากธารน้ำแข็งไหลลงสู่แม่น้ำเมนเดนฮอลล์ ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากในพื้นที่ตกอยู่ในความเสี่ยง
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเตือนประชาชนมาหลายวันแล้ว ว่าพวกเขาอาจต้องอพยพออกจากบ้าน โดยในวันอังคาร (12 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า น้ำเริ่มทะลักออกจากธารน้ำแข็งซึ่งทำหน้าที่เป็นเขื่อนตามธรรมชาติแล้ว และคาดว่าจะเกิดน้ำท่วมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ทั้งนี้ ธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อยู่ห่างจากเมืองจูโนเพียง 19 กม.เท่านั้น
เมื่อวันอังคาร NWS ระบุว่า ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเพิ่มไปแตะ 9.85 ฟุต ยังไม่ถึง 14 ฟุตซึ่งเป็นระดับที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่ในเช้าวันพุธ (13 ส.ค.) ระดับน้ำกลับพุ่งไปจนเกิน 16 ฟุตซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดแล้ว
“นี่จะเป็นสถิติใหม่ จากทุกข้อมูลที่เรามี” นิโคล เฟอร์ริน นักอุตุนิยมวิทยาของ NWS กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร
นายไมค์ ดันลีวี ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงว่าจะเกิดน้ำท่วมรุนแรงจากการทะลักของทะเลสาบธารน้ำแข็ง (glacial lake) ในบริเวณเมืองจูโน
อนึ่ง เมืองจูโนกับพื้นที่โดยรอบต้องเผชิญกับความเสี่ยงน้ำท่วมจากการทะลักของทะเลสาบธารน้ำแข็งมาตั้งแต่ปี 2554 โดยเมื่อปีก่อน มีบ้านเรือนจำนวนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม
ธารน้ำแข็งบนภูเขาทั่วโลกกำลังหดตัวเนื่องจากภาวะโลกร้อน และน้ำที่ละลายมากขึ้นก็จะไปสะสมในทะเลสาบธารน้ำแข็งจนมีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะที่เขื่อนน้ำแข็งและหินที่กันน้ำในทะเลสาบเอาไว้ อาจพังทลายได้ทุกเมื่อ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างไม่อาจคาดเดาได้
...
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc