เนสท์เล่ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ สั่งปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หลังดำรงตำแหน่งเพียงหนึ่งปี เนื่องจากมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพนักงานหญิงที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรง

บริษัทเนสท์เล่ ผู้ผลิตช็อกโกแลต Kit Kat และกาแฟ Nespresso ระบุว่า โลรองต์ เฟร็กซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารถูกปลดออกจากตำแหน่งทันที หลังคณะกรรมการที่นำโดยประธานบอร์ดและผู้อำนวยการอิสระของเนสท์เล่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่เขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพนักงานหญิงที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรง โดย BBC รายงานว่าการสอบสวนเริ่มต้นขึ้นจากการแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางร้องเรียนภายในองค์กร

พอล บุลเค ประธานบอร์ดเนสท์เล่กล่าวว่านี่เป็นการตัดสินใจที่จำเป็น ค่านิยมและหลักธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งคือรากฐานของบริษัท โดยขอขอบคุณโลรองต์ที่ทุ่มเทให้เนสท์เล่มาอย่างยาวนาน


Financial Times รายงานว่า ก่อนหน้านี้ในปีนี้ เคยมีการร้องเรียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ดังกล่าวแล้ว แต่ผลการสอบสวนภายในไม่พบมูลความจริง แต่หลังข้อร้องเรียนยังคงดำเนินต่อไป เนสท์เล่จึงเปิดการสอบสวนรอบใหม่ร่วมกับที่ปรึกษาภายนอก และพบว่าข้อกล่าวหามีมูลจริง

...

โฆษกเนสท์เล่ระบุว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลอย่างดีที่สุดมาโดยตลอด การสอบสวนภายนอกเปิดขึ้นไม่นานหลังจากการสอบสวนภายใน และการตัดสินใจในวันนี้สะท้อนว่าเราให้ความสำคัญกับข้อกล่าวหาและการสอบสวนอย่างจริงจัง

เฟร็กซ์อยู่กับเนสท์เล่มาเกือบ 40 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอโลกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แทนที่ มาร์ก ชไนเดอร์ โดยเนสท์เล่ยืนยันว่าเขาจะไม่ได้รับค่าชดเชยใดๆ จากการพ้นตำแหน่ง 

สำหรับผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอคือ ฟิลิปป์ นาฟราทิล ซึ่งทำงานกับเนสท์เล่มาตั้งแต่ปี 2001 โดยทางบอร์ดยืนยันว่าบริษัทจะไม่เปลี่ยนทิศทางกลยุทธ์และไม่ชะลอการดำเนินงาน

ทั้งนี้ พอล บุลเค เตรียมก้าวลงจากตำแหน่งประธานบอร์ดในปีหน้า และมีการเสนอชื่อ ปาโบล อิสลา ให้เข้ามารับตำแหน่งแทน

ไม่เพียงเนสท์เล่เท่านั้น หลายบริษัทใหญ่เคยประสบปัญหาคล้ายกัน เช่น ซีอีโอของ BP เบอร์นาร์ด ลูนีย์ ที่ลาออกหลังมีความสัมพันธ์กับพนักงาน หรือกรณีของ สตีฟ อีสเตอร์บรู๊ค ซีอีโอแมคโดนัลด์ ที่ถูกปลดในปี 2019 หลังพบว่ามีความสัมพันธ์กับพนักงาน แม้ในตอนแรกเขาจะได้รับเงินชดเชยสูงถึง 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ภายหลังเขาต้องคืนทั้งหมด และถูกปรับเพิ่มอีก 400,000 ดอลลาร์ในปี 2023 จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ฐานให้ข้อมูลบิดเบือนต่อผู้ลงทุน ซึ่งเขาได้จ่ายค่าปรับโดยไม่ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา.

ที่มา :BBC

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ เนสท์เล่