นายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยระบุว่าเพื่อรับผิดชอบที่เขาพาพรรค LDP แพ้การเลือกตั้งหลายครั้งจนรัฐบาลเสียเสียงข้างมาก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. 2568 ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนด้านนโยบายซึ่งอาจกินเวลานาน ในช่วงเวลาที่ประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกแห่งนี้ กำลังอยู่ในภาวะสั่นคลอน

ญี่ปุ่นเพิ่งบรรลุรายละเอียดขั้นสุดท้ายในข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม นายอิชิบะ วัย 68 ปี กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ตัวเขาต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหลายต่อหลายครั้ง

นับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อไม่ถึง 1 ปีก่อน นายอิชิบะต้องเผชิญความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหลายครั้ง จนรัฐบาลผสมของเขาสูญเสียเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนชาวญี่ปุ่นในเรื่องค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

นายอิชิบะสั่งการให้พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (LDP) ของเขา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของญี่ปุ่นมาเกือบตลอดยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เลือกผู้นำพรรคคนใหม่ โดยที่ตัวเขาจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปก่อน จนกว่าผู้สืบทอดจะได้รับเลือก

“เมื่อญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงการค้าและประธานาธิบดี (ทรัมป์) ก็ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษแล้ว เราก็ได้ก้าวผ่านอุปสรรคสำคัญมาได้แล้ว" นายอิชิบะกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ผมจึงอยากส่งไม้ต่อให้แก่คนรุ่นถัดไป”

ทั้งนี้ นายอิชิบะเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนับตั้งแต่เขาพาพรรค LDP พ่ายแพ้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจนสูญเสียเสียงข้างมากเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยพรรค LDP จะโหวตลงมติในวันจันทร์ว่าจะจัดการเลือกผู้นำพรรควิสามัญหรือไม่

...

ความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้เกิดการเทขายเงินเยนและพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธ

นักลงทุนกำลังจับตาดูความเป็นไปได้ที่ผู้นำประเทศคนต่อไปจะเป็นผู้ที่สนับสนุนนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายมากขึ้น เช่น นางซานาเอะ ทาคาอิจิ นักการเมืองมากประสบการณ์ของพรรค LDP ผู้วิพากษ์วิจารณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น

ขณะที่นาย ชินจิโร โคอิซุมิ ทายาทนักการเมืองคนดังผู้มีภาพลักษณ์โดดเด่น ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของนายอิชิบะ และได้รับมอบหมายให้พยายามควบคุมราคาที่พุ่งสูงขึ้น ก็เป็นอีกคนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของนายอิชิบะ

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลผสมของนายอิชิบะสูญเสียเสียงข้างมากในสภา หมายความว่าประธานคนต่อไปของพรรค LDP จะไม่ได้รับการรับประกันว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปแล้ว แม้จะยังมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากพรรค LDP ยังเป็นพรรคที่มี สส.ในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดอยู่

นักวิเคราะห์มองว่า ใครก็ตามที่ได้เป็นผู้นำคนถัดไปอาจตัดสินใจจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด เพื่อขอฉันทามติจากประชาชน ในช่วงเวลาที่พรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นยังคงแตกแยกกัน แต่พรรคซันเซโตะ (Sanseito) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดและต่อต้านการอพยพเข้าเมือง ได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นมากในการเลือกตั้งสภาสูงเมื่อเดือนกรกฎาคม ทำให้แนวคิดที่เคยเป็นเพียงส่วนน้อยได้เข้าสู่การเมืองกระแสหลัก


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cna