เนปาลยังคงตึงเครียดจากเหตุจลาจลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลังการชุมนุมต่อต้านคอร์รัปชันบานปลายกลายเป็นการเผาทำลายอาคาร ล่าสุดกองทัพต้องส่งกำลังลาดตระเวนตามท้องถนนเพื่อควบคุมสถานการณ์
กรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล ยังคงตึงเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์จลาจลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลังการชุมนุมต่อต้านคอร์รัปชันบานปลายกลายเป็นการเผาทำลายอาคารรัฐสภาและบ้านพักนักการเมือง จนล่าสุดกองทัพต้องส่งกำลังลาดตระเวนตามท้องถนนเพื่อควบคุมสถานการณ์
มีรายงานว่าตลอด 2 วันแห่งความรุนแรง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 30 ศพ และบาดเจ็บอีกมากกว่า 1,000 คน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกลุ่มเยาวชน Gen Z ซึ่งเป็นหัวหอกในการชุมนุม ประกาศว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเผาทำลายทรัพย์สิน โดยย้ำว่าขบวนการของพวกเขาเป็นการเคลื่อนไหวโดยสันติและถูกผู้ฉวยโอกาสเข้ามาแทรกแซง โดยเป้าหมายยังคงยึดหลักสันติวิธีและการมีส่วนร่วมพลเมืองอย่างสร้างสรรค์ พร้อมจัดอาสาสมัครลงพื้นที่ช่วยจัดการความเรียบร้อยและปกป้องทรัพย์สินสาธารณะ
...
ด้าน โฆษกกองทัพ ราจาราม บาสเนต ยอมรับว่ามีกลุ่มแฝงตัวก่อความรุนแรง ปล้นสะดม และจุดไฟเผาจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพกำลังเร่งควบคุม
มีรายงานว่าสนามบินกาฐมาณฑุเปิดทำการอีกครั้งเมื่อวันพุธ แต่ทั่วเมืองยังอยู่ภายใต้เคอร์ฟิวเข้มงวด รถทหารตั้งด่านตรวจบัตรประชาชนและประกาศผ่านลำโพงให้ประชาชนงดเดินทางที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ การลาออกของนายกรัฐมนตรีได้สร้างสูญญากาศทางการเมือง โดยยังไม่ชัดเจนว่าใครจะขึ้นมานำประเทศต่อไป โดยกลุ่ม Gen Z ย้ำว่าผู้นำคนใหม่ต้องไม่มีสายสัมพันธ์กับพรรคการเมืองเก่า ต้องโปร่งใส มีคุณธรรม และทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อกลุ่มผลประโยชน์หรือคอร์รัปชั่น พร้อมเสนอชื่อ สุศิลา การ์กี อดีตประธานศาลฎีกา และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ตำแหน่งนี้ ให้มานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อคลี่คลายวิกฤติ แต่ก็ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการเสนอชื่อดังกล่าว
สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศ มีผลจนถึงเช้าวันนี้ตามเวลาในท้องถิ่น (11 ก.ย.) โดยกองทัพเตือนประชาชนว่า ผู้ใช้ความรุนแรงและทำลายทรัพย์สินสาธารณะจะต้องถูกลงโทษ โดยจนถึงตอนนี้มีผู้ถูกจับกุมตัวข้อหาใช้ความรุนแรงและขโมยของในร้านค้าแล้ว 27 คน โดยพบปืน 31 กระบอกในตัวคนกลุ่มนี้.
ที่มา : AP
คลิกอ่านข่าว เนปาลประท้วง