การจากไปอย่างกะทันหันของ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษนิยมวัย 31 ปี จากเหตุถูกยิงเสียชีวิตที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองโอเรม รัฐยูทาห์ กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรงในสังคมอเมริกัน
ข่าวการเสียชีวิตของเคิร์กที่แพร่สะพัด ทำให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเดิมตั้งใจให้เป็นช่วงเวลาสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย ต้องกลายเป็นการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดระหว่างสมาชิกสภาฯ ทั้งสองพรรค
บรรยากาศตึงเครียดในรัฐสภา
ลอเรน โบเบิร์ต สส. พรรครีพับลิกันจากรัฐโคโลราโด ได้ยกมือขอให้มีการนำสวดมนต์เพื่อเคิร์ก พร้อมกล่าวว่า "การสวดมนต์ในใจจะได้ผลลัพธ์ในใจ" ซึ่งทำให้ สส. พรรคเดโมแครตบางส่วนตั้งคำถามว่า เหตุใดเหตุการณ์การสังหารที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่ไม่โดดเด่นเท่าเคิร์กถึงไม่ได้รับความสนใจในลักษณะเดียวกัน การโต้เถียงนี้ลุกลามจนมีการกล่าวหาและสาบานเกี่ยวกับประเด็นการเมืองที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรม
ในขณะที่ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกัน ต้องทุบค้อนเพื่อเรียกความสงบเรียบร้อย มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า "ออกกฎหมายปืนสิ!"
ต่างฝ่ายต่างโทษ ต่างฝ่ายต่างมุมมอง
เคิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Turning Point USA และเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การเสียชีวิตของเขาทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมจำนวนมากไม่พอใจอย่างรุนแรงและกล่าวโทษฝ่ายเสรีนิยมว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงทางการเมือง ในขณะที่ฝ่ายเดโมแครตเลือกที่จะใช้ถ้อยคำที่ระมัดระวังกว่า โดยประณามความรุนแรงทางการเมืองโดยรวม และเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
...
นักการเมืองหลายคนต่างออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรัมป์ ที่ออกมากล่าวว่า ความรุนแรงและการฆาตกรรมเป็นผลมาจากวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังต่อผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนสตีเฟน มิลเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และลอรา ลูมเมอร์ ผู้ภักดีต่อทรัมป์ ต่างเรียกร้องให้มีการจัดการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มฝ่ายซ้าย
ในทางตรงกันข้าม บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดี ได้ออกแถลงการณ์ว่า “เรายังไม่รู้แรงจูงใจของผู้ที่ยิงและสังหารชาร์ลี เคิร์ก แต่ความรุนแรงที่เลวทรามแบบนี้ไม่มีที่ยืนในระบอบประชาธิปไตยของเรา” ขณะที่ กาบบี กิฟฟอร์ดส์ อดีต สส. พรรคเดโมแครตที่เคยถูกยิงบาดเจ็บสาหัส กล่าวว่า สังคมประชาธิปไตยจะมีความเห็นต่างทางการเมืองอยู่เสมอ แต่เราต้องไม่ปล่อยให้อเมริกาเผชิญหน้ากับความเห็นต่างด้วยความรุนแรง
รอยร้าวที่ยากจะประสาน
การเสียชีวิตของเคิร์กไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่กลับตอกย้ำความแตกแยกในสังคมอเมริกันให้ลึกยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า รอยร้าวทางการเมืองในสหรัฐฯ ได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้จะมีผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสที่ชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความรุนแรงทางการเมือง แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงกังวลว่า เหตุการณ์เช่นนี้อาจเติมเชื้อไฟให้กับบรรยากาศทางการเมืองที่ตึงเครียดอยู่แล้วให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
ท่ามกลางบรรยากาศความขัดแย้งที่ร้อนระอุ ยังคงมีนักการเมืองบางส่วนที่พยายามลดความตึงเครียดลง โดยวุฒิสมาชิกทอม ทิลลิส จากพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวว่า การเสียชีวิตของเคิร์กไม่ควรถูกนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น “ทุกคนที่ส่งเสริมให้มีการตอบโต้ด้วยความรุนแรง แทนที่จะใช้การพูดคุยอย่างมีอารยะ ต่างก็ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเขา”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคำพูดของทิลลิสจะได้รับความสนใจจากทั้งสองฝ่ายหรือไม่ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับความแตกแยกที่ยากจะประสานรอยร้าว และการพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันดูจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงไปทุกที.
ที่มา Reuters