FBI เปิดเผยว่า กำลังตามล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุยิงนาย ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวคนดังจนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พบปืนของคนร้ายแล้ว และมีภาพของเขาแล้วด้วย แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ย. 2568 เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จัดงานแถลงข่าวเปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนเหตุลอบยิงนาย ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษ์นิยมคนดังเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยนาย โบ เมสัน กรรมาธิการสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะระบุว่า การสืบสวนมีความคืบหน้าบ้าง รวมถึงสามารถตามรอยความเคลื่อนไหวของคนร้ายได้แล้ว
ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายงานไม่ตรงกันเรื่องคนร้ายถูกควบคุมตัวแล้วหรือไม่ แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่า มือปืนยังคงหลบหนี หลังจากก่อเหตุยิงนายเคิร์ก ซึ่งกำลังร่วมงานอีเวนต์ขององค์กรนักศึกษา “จุดเปลี่ยนสหรัฐอเมริกา” (Turning Point USA - TPUSA) ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้ง ที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัย ยูทาห์ วัลเลย์
ตามการเปิดเผยของนายเมสัน คนร้ายมาถึงวิทยาเขตในเวลา 11.52 น. วันพุธ (10 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจะเดินขึ้นบันไดอาคารหลังหนึ่งไปบนดาดฟ้า และข้ามไปยังดาดฟ้าของตึกอีกหลัง เพื่อไปยังจุดยิง โดยหลังก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่า ผู้ต้องสงสัยก็กระโดดลงจากดาดฟ้าแล้วหนีออกจากวิทยาเขตไปยังชุมชนใกล้เคียง
ต่อมานาย โรเบิร์ต โบห์ลส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ผู้รับผิดชอบคดีนี้ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (ตามเวลาท้องถิ่น) เจ้าหน้าที่สืบสวนพบอาวุธที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นปืนไรเฟิลที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเมื่อวานนี้อยู่ในป่าที่คนร้ายใช้หลบหนี เจ้าหน้าที่ยังพบและกำลังวิเคราะห์ "รอยรองเท้า" และ "รอยแขนท่อนล่าง" ด้วย
นายโบห์ลส์ยังกล่าวขอบคุณชาวอเมริกันที่ให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่มากกว่า 130 รายการด้วย
...
ด้านรายละเอียดของคนร้าย นายโบ เมสัน กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยดูเหมือนจะอยู่ในวัยนักศึกษามหาวิทยาลัย เพราะเขาทำตัวกลมกลืนกับคนในวิทยาเขตได้อย่างดี แต่เจ้าหน้าที่จะยังไม่เปิดเผยข้อมูลอื่นๆ ในตอนนี้
ขณะที่นายโบห์ลส์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่มีภาพวิดีโอคนร้ายแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยลักษณะพิเศษบนใบหน้าของเขาได้เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน นายโบห์ลส์ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ไม่แน่ใจว่าคนร้ายหลบหนีไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่เชื่อว่าตอนนี้ยังไม่มีความเสี่ยงต่อสังคม และเจ้าหน้าที่กำลังใช้ทุกทรัพยากรที่มีเพื่อตามหาตัวคนผู้นี้
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc