นาซา เริ่มห้ามชาวจีนไม่ให้เข้าร่วมโครงการอวกาศของพวกเขาแล้ว ตอกย้ำการแข่งขันด้านอวกาศระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 ก.ย. 2568) เบธานี สตีเวนส์ เลขานุการฝ่ายสื่อของ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา กล่าวว่า “นาซาได้ดำเนินการภายในที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองจีน รวมถึงการจำกัดการเข้าถึง สถานที่, สิ่งของ และเครือข่าย ทั้งทางกายภาพและทางไซเบอร์ เพื่อรับรองความปลอดภัยของงานของเรา”

ขณะที่สำนักข่าว บลูมเบิร์ก ซึ่งเป็นสื่อแรกที่รายงานเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายของนาซา ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ชาวจีนจะได้รับอนุญาตให้ทำงานในฐานะ ผู้ทำสัญญาหรือนักศึกษา เพื่อช่วยเหลือในงานวิจัย ไม่ใช่พนักงาน

แต่เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา แหล่งข่าวชาวจีนหลายคนบอกกับบลูมเบิร์กว่า จู่ๆ พวกเขาก็ถูกล็อกเอาต์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของนาซา และถูกห้ามเข้าพบแบบตัวต่อตัวได้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของนาซาเกิดขึ้นในขณะที่ รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีวาทกรรมต่อต้านจีนมากขึ้นในหลายด้าน รวมถึงด้านอวกาศซึ่งสหรัฐฯ กับจีนกำลังแข่งขันกันเพื่อส่งมนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้ง

สหรัฐฯ มีโครงการ “อาร์ทีมิส” (Artemis) ซึ่งตั้งเป้าจะส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์อีกครั้งภายในปี 2580 หลังจากไม่ได้ส่งคนไปดวงจันทร์อีกนับตั้งแต่โครงการอพอลโล (Apollo) ในช่วงปี 2512-2515 แต่สหรัฐฯ กำลังประสบปัญหางบประมาณบานปลายและความล่าช้าอื่นๆ

ส่วนจีน ตั้งเป้าหมายจะส่งนักบินอวกาศของพวกเขาไปดวงจันทร์ภายในปี 2583 และการพัฒนาโครงการในช่วงที่ผ่านมา ก็สำเร็จตรงตามกำหนดเวลา

“เรากำลังอยู่ในการแข่งขันด้านอวกาศครั้งที่ 2” นายฌอน ดัฟฟี รักษาการผู้อำนวยการของนาซากล่าว “จีนอยากกลับไปดวงจันทร์ก่อนพวกเรา แต่มันจะไม่เกิดขึ้น ในอดีตอเมริกาเป็นผู้นำด้านอวกาศ และเราจะยังคงเป็นผู้นำด้านอวกาศต่อไปในอนาคต”

...

จีนยังต้องการเป็นประเทศแรกของโลก ที่นำตัวอย่างจากพื้นผิวของดาวอังคารกลับมายังโลก โดยจะส่งหุ่นยนต์ไปในปี 2571 และจะนำตัวอย่างกลับมาอย่างเร็วที่สุดในปี 2574

ส่วนรัฐบาลทรัมป์ส่งสัญญาณผ่านการเสนอแผนงบประมาณฉบับใหม่ของเขาแล้วว่า ต้องการยกเลิกปฏิบัติการ “Mars sample return” ซึ่งเป็นโครงการร่วมกับสำนักงานอวกาศยุโรป เพื่อนำตัวอย่างจากดาวอังคารกลับมายังโลก


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : the guardian