ความรุนแรงจากการประท้วงต่อต้านการทุจริตในเนปาลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ศพ ขณะที่สถานการณ์เริ่มสงบลงหลังนายกรัฐมนตรีลาออก และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการแต่งตั้งอดีตประธานศาลฎีกาหญิงเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเนปาลเปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด จากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย รวมถึงผู้ประท้วง 21 ราย และตำรวจ 3 นาย
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นจากคำสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดียของรัฐบาล ประกอบกับความไม่พอใจของประชาชนต่อปัญหาคอร์รัปชันและการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ โดยผู้ประท้วงได้จุดไฟเผารัฐสภา ส่งผลให้นายเค.พี. ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และกองทัพต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ในกรุงกาฐมาณฑุ
สถานการณ์ล่าสุด นักโทษกว่า 12,533 คน ยังคงหลบหนีอยู่ โดยบางส่วนพยายามข้ามชายแดนไปยังอินเดียและถูกจับกุม ส่วนกองทัพเนปาลสามารถยึดปืนที่ถูกปล้นไปได้มากกว่า 100 กระบอก
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า นางสุศิลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ เนื่องจากเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มผู้ประท้วง "Gen Z" ซึ่งเป็นพลังหลักในการประท้วงครั้งนี้ คาดว่าการแต่งตั้งนางคาร์กี มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากการประชุมที่บ้านพักประธานาธิบดีราม จันทรา พูเดล ซึ่งกำหนดไว้เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตามแหล่งข่าวจากกลุ่ม Gen Z ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาครั้งนี้
แม้จะเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจมาหลายปีตั้งแต่ยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008 แต่สัญญาณบ่งบอกว่าสถานการณ์ในกรุงกาฐมาณฑุกำลังกลับคืนสู่ภาวะปกติ ร้านค้าหลายแห่งเริ่มเปิดทำการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาใช้กระบองแทนปืน ขณะที่ทหารยังคงลาดตระเวนตามถนนอยู่บ้าง.
...