“สุริยะ” ฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่สานต่อสร้างถนนพระราม 2 ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ พ้อเสียดายนโยบาย 20 บาทตลอดสายผลักดันมาไกลหากเหลือแค่เข้าการพิจารณาของวุฒิสภา หากไม่สานต่อเปรียบเหมือน “มวยที่ชกมาถึงยก 4 เหลือแค่มวยยก 5” เท่านั้น
ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 10.00 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ได้เข้ามากราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงคมนาคม พร้อมกล่าวลาผู้บริหารข้าราชการกระทรวงคมนาคมที่ได้ร่วมงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งนายสุริยะ ได้กล่าวว่า หลังจากที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเกือบ 2 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้เร่งวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบราง ที่วางเป้าหมายไว้เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์จากการขนส่งทางบกที่มีราคาสูงมาสู่ระบบราง
...
นอกจากนี้ยังได้มีการแก้ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนเผชิญหน้าในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การแก้ปัญหาความแออัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เคยมีคิวยาวเหยียด ก็ได้มีการติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกและประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อเพิ่มช่องทางเข้า-ออก ให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น
แม้หลายโครงการจะมีความคืบหน้า แต่ภารกิจของกระทรวงคมนาคมยังไม่สิ้นสุด อยากฝากถึงรัฐมนตรีคนใหม่ให้เข้ามาสานต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการถนนพระราม 2 และโครงการทางด่วนพิเศษระหว่างเมือง M82 ให้แล้วเสร็จ เนื่องจากเส้นทางพระราม 2 มีความสำคัญที่เป็นทางยกระดับในการแก้ปัญหาจราจรติดขัด และเป็นเส้นทางหลักมุ่งสู่ภาคใต้ พร้อมฝากปลัดกระทรวงคมนาคมให้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการติดตามงานอย่างใกล้ชิด
นายสุริยะ ยังได้กล่าวต่อว่า ในส่วนของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ยอมรับว่าเสียดายเพราะขณะนี้ได้มีการผลักดันกฎหมายมาจนเกือบแล้วเสร็จ พร้อมที่จะใช้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเรื่องนี้ก็ต้องให้เป็นอำนาจในการตัดสินใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ ว่าจะสานต่อหรือไม่
ขณะที่ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ได้กล่าวถึงการผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ถือเป็นนโยบายหลักของกระทรวงและได้ดำเนินการไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะการผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางราง, ร่าง พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ของวุฒิสภา โดยมองว่าเปรียบเสมือน “มวยยก 4 ที่เหลือแค่มวยยก 5” ซึ่งหากกฎหมายเหล่านี้ผ่านก็จะสามารถเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลชุดใหม่นำไปใช้สานต่อโครงการได้อย่างไร้รอยต่อ
...
ขณะเดียวกัน ยังมีกฎหมายสำคัญที่ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องสามารถปลดล็อกปัญหาที่สะสมมานาน เช่น ร่าง พ.ร.บ. การท่าเรือ ที่ไม่ได้มีการแก้ไขมานานกว่า 71-72 ปี ซึ่งผ่านการพิจารณาหลักการของวุฒิสภาแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และร่าง พ.ร.บ. ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ (SEC) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน และร่าง พ.ร.บ. กำลังเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป
อ่านข่าว "นโยบายรัฐ" เพิ่มเติม