ประชากรโลกกว่า 820 ล้านคน กำลังเผชิญกับความอดอยาก กระทั่งองค์การสหประชาชาติกำหนดให้ “การขจัดความหิวโหย” เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชากรโลกสามารถเข้าถึงอาหารที่เพียงพอและมีคุณค่าทางโภชนาการ...มุ่งขจัดความอดอยากให้ได้ภายในปี 2573

ฉะนั้นการสร้างความมั่นคงทางอาหารและการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน ถือเป็นรากฐานสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อให้โลกก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ยิ่งวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่ แต่เกษตรกรที่ทำเกษตรอย่างยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา กลับยังสามารถรับมือได้ มีผลผลิตเพียงพอบริโภคในครัวเรือน เหลือขาย และแบ่งปันให้คนอื่น ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้อีกหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ถูกให้ออกจากงาน ต้องกลับสู่แผ่นดินแม่

แต่การสานต่อศาสตร์พระราชา รวมถึงการสร้างพื้นที่ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เป็นเพียงภารกิจของภาครัฐ หรือประชาสังคมเท่านั้น แต่จำต้องอาศัยการร่วมขับเคลื่อนจากภาคเอกชน ยกตัวอย่าง บริษัท เชฟรอนประเทศ ไทยสำรวจและผลิต จำกัด ดำเนินโครงการพลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน (ตามรอยพ่อฯ) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 9

และในขณะที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤติขาดแคลนอาหารอยู่แล้ว การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งส่งผลให้ประชากรโลกต้องเผชิญกับวิกฤติความอดอยากอย่างรุนแรงกว่าในอดีต องค์กรสหประชาชาติ จึงเตรียมที่จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ “UN Food Systems Summit” จัดประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรในเดือนกรกฎาคมนี้ และระดับผู้นำประเทศ ในเดือนกันยายน 2564 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

...

หน่วยงานเกี่ยวกับเกษตรของไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และภาคเอกชน จึงเร่งหารือ จัดทำนโยบายแผนงานการปฏิรูประบบอาหารและการเกษตรอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยศาสตร์พระราชา นำเสนอต่อที่ประชุม เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้สู่นานาชาติ.

สะ-เล-เต