เกษตรกรประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ขายผลผลิตในราคาคุ้มทุน มีเงินใช้หนี้ และใช้จ่าย โดยไม่สร้างหนี้ใหม่จนกลายเป็น “หนี้เรื้อรัง” เป็นภาพคุ้นตา เพราะเกิดขึ้นแทบทุกปี

ปีนี้ก็เช่นกัน กลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปรังเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.พ.68 เพราะราคาตกต่ำมาก ทำไมเกษตรกรไทย “ยิ่งทำการเกษตรยิ่งจน” ไม่รวยเหมือนประเทศอื่น และรัฐบาลต้องช่วยเหลือไปอีกนานแค่ไหน?? เชื่อว่า เป็นคำถามที่เกษตรกรไทยอยากได้คำตอบมากๆ

สาเหตุที่เกษตรกรไทยยากจน น่าจะมาจากต้นทุนการผลิตสูงมาก ไม่ว่าค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรง ค่ารถไถ รถเกี่ยว ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ฯลฯ ที่ล้วนแต่ไปเอามาจากพ่อค้าก่อนแล้วจ่ายทีหลังเมื่อขายผลผลิตได้

ในขณะที่ผลผลิตต่อไร่ต่ำมากๆ ขายได้ไม่คุ้มทุน อย่างข้าว ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยทั้งประเทศ 450 กก.ต่อไร่ แต่เวียดนามเฉลี่ย 900 กก.ต่อไร่ จีนได้ถึง 2,000 กก.ต่อไร่ เมื่อขายแล้วได้เงินมากกว่าไทยแน่นอน ส่วนเกษตรกรไทยเมื่อขายแล้วก็ใช้หนี้พ่อค้า เงินที่ได้มาไม่พอใช้หนี้ และใช้จ่ายประจำวัน ต้องกู้หนี้ใหม่เรื่อยๆ และใช้หนี้ไม่มีวันหมด

สาเหตุที่ผลผลิตต่อไร่ต่ำ น่าจะปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสม อย่างข้าวนาปรังที่ปลูกปีละ 3-4 รอบ ที่จริงควรปลูกในที่ลุ่ม น้ำมาก แต่ทุกวันนี้ไม่ว่าที่ลุ่ม ที่ดอน มีน้ำ ไม่มีน้ำ ก็ปลูกกันดะ บางปีปลูกแล้วเกิดแล้ง ข้าวเสียหาย ก็ร้องให้รัฐช่วย หรือปลูกหลายรอบ จนเกินความต้องการ ฉุดราคาร่วง รัฐก็ต้องช่วยอีก

นอกจากนี้ ยังมาจากเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ต้านทานโรค ให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ที่สำคัญเป็นข้าวที่ตลาดไม่ซื้อ ไม่กิน ทั้งๆที่ควรปลูกพืชที่เหมาะกับพื้นที่ และปลูกพืชอื่นที่ราคาแพงกว่าข้าวหรือหากจะปลูกข้าว ก็ต้องเลือกพันธุ์ที่ตลาดต้องการ

...

อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านการผลิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างกระทรวงเกษตรฯต้องให้ความรู้เกษตรกรในการเปลี่ยนมาปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ ลดปลูกข้าว เพื่อให้ผลผลิตลดลง ซึ่งจะผลักดันให้ราคาข้าวแพง เพราะของมีน้อย คนแย่งกันซื้อ แต่ถ้าของมากจนเกินความต้องการ ราคาจะลดลง

โดยเกษตรกรที่เลิกปลูกข้าว ก็ต้องแนะนำให้ปลูกพืชอื่น เพราะเกษตรกรไม่รู้หรอกว่า ต้องปลูกพืชอะไรที่ราคาดี ตลาดต้องการ และการปลูกพืชอื่นต้องทำอย่างไร เพราะทำนามาทั้งชีวิต ไม่เคยปลูกพืชอื่น

ส่วนพันธุ์ข้าว กรมการข้าวต้องเร่งพัฒนาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ตลาดต้องการแล้วนำมาให้ชาวนาปลูก ไม่ใช่ปล่อยให้ปลูก “ข้าวหอมพวง” ของเวียดนามเหมือนทุกวันนี้

“ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์” นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย บอกว่า ถ้ายังไม่เร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ตอบโจทย์ตลาด ปรับปรุงการผลิต ลดต้นทุน ทำให้ค่าเงินบาทแข่งขันได้ อีกไม่กี่ปี ข้าวไทยจะหายไปจากตลาดโลก เพราะแข่งขันไม่ได้ กลายเป็นอดีตที่นานมาแล้วไทยเคยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก

วิกฤติข้าวไทย ที่ไม่มีแม้รัฐบาลเดียวจริงใจแก้ปัญหา และวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพผลิตในระยะยาว มีแต่ของบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้จบๆไป และปีต่อๆไปก็ของบใหม่อีก เพราะปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขให้หมดไป ทำให้ปัญหายังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆ.

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม