เพราะกาแฟดีๆ ในวันธรรมดาๆ คือความสุขแสนพิเศษของใครหลายคน กาแฟที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้ได้รสชาติในแบบกาแฟดริปจึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น Café Amazon ที่มีผลิตภัณฑ์กาแฟดริปให้คนรักกาแฟได้เลือกสรร ล่าสุดยังได้นำเสนอผ่าน Box set โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ของ OR ที่ประกอบด้วย “กาแฟดริปปางขอน” ผ่านความหอมละมุนของกาแฟอะราบิกาแท้ 100% กลมกล่อมแต่หนักแน่นเข้มข้นในแบบ Drip Coffee ที่พร้อมชงดื่มได้ทันที “กาแฟดริปผาลั้ง” กาแฟคั่วระดับกลางที่ให้รสชาตินุ่มนวล กลิ่นหอมละมุนแบบ Floral Notes รวมถึง “กาแฟดริปดอยอินทนนท์” ที่ผ่านการคั่วระดับกลางถึงเข้ม ทำให้มีรสชาติหอมเข้มข้นและกลมกล่อม โดยทั้งหมดนี้มาจากแหล่งปลูกกาแฟที่ Café Amazon ได้เข้าไปมีส่วนร่วมจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้กาแฟเป็นมากกว่าแค่การสัมผัสรสชาติดีๆ แต่หมายถึงความยั่งยืนของเกษตรกร รวมถึงอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง อย่างการคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย

การปลูกกาแฟกับอากาศบริสุทธิ์

ปัญหา PM 2.5 เป็นหนึ่งในภัยร้ายของสังคมไทย โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือนั้น ถึงขั้นมีนิยามให้ว่า ฤดูกาลหมอกควัน โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเผาพื้นที่เกษตรที่เป็นตัวเร่งให้ฤดูกาล PM 2.5 มาถึงไวขึ้น ปัญหาหมอกควันจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยความเข้าใจก็มีส่วนสำคัญให้พลังจากหลายฟันเฟืองเล็กๆ ส่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ เหมือนเช่นที่ OR และ Café Amazon เข้าไปมีส่วนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในเส้นทางกาแฟจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพราะเล็งเห็นว่ากาแฟกับการคืนอากาศบริสุทธิ์เป็นเรื่องเดียวกัน

เบื้องหลังเมล็ดกาแฟคุณภาพจาก Café Amazon คือ โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน (Sustainable Coffee Project) จากบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) ที่ไม่เพียงมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรไทย โดยการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนและเกษตรกรไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมอบองค์ความรู้และส่งเสริมให้เกษตรกรเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดการตัดต้นไม้และเผาทำลายป่า ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่มแนวคิดการปลูกกาแฟภายใต้ไม้ร่มเงา รวมถึงร่วมสร้างระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นรูปธรรม โดยส่งเสริมให้ลดการเผาไร่ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการปลูกกาแฟทดแทนการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่มีความยั่งยืนกว่า และสิ่งนี้เองจะกลายเป็นรากฐานสำคัญที่มีส่วนต่อการช่วยลดมลพิษและสร้างอากาศสะอาด ทำให้คนไทยมีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้

โดยสิ่งที่น่าสนใจของโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน คือ การปลูกกาแฟให้ป่ากลับมานอกจากจะช่วยลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศได้แล้ว ยังเป็นการสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเกษตรกรอีกด้วย ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ก็นับได้ว่าเป็นทศวรรษของการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดย OR ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายและเกษตรกรกว่า 1,500 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัด ครอบคลุม 22 พื้นที่ในภาคต่าง ๆ ส่งผลให้สามารถรับซื้อเมล็ดกาแฟไปแล้วกว่า 7,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท

กาแฟแก้วโปรดที่มีส่วนคืนอากาศบริสุทธิ์ สร้างความยั่งยืน

เบื้องหลังกาแฟโปรดของใครหลายคนมีเรื่องราวมากซ่อนอยู่ และอาจเป็นการเดินทางของคนตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ยังรวมถึงการเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ส่งผลต่อความยั่งยืนในอนาคตได้ อย่างกาแฟจาก Box set โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ของ OR ตรงหน้าก็เป็นหนึ่งในการเดินทางของกาแฟที่มีเบื้องหลังที่น้อยคนนักจะได้ทราบ ซึ่งทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดีๆ นี้ได้ ผ่านกาแฟดริปทั้ง 3 ชนิดนี้

บ้านปางขอน และบ้านผาลั้ง จังหวัดเชียงราย เป็น 2 พื้นที่คุณภาพของจังหวัดเชียงรายที่ OR ส่งเสริมให้เป็นพื้นที่ต้นแบบของโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน บ้านปางขอน มีเกษตรกรเข้าร่วม 74 ราย คิดเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟอะราบิกามากถึง 1,400 ไร่ ส่วนบ้านผาลั้ง มีเกษตรกรเข้าร่วม 92 ราย คิดเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟอะราบิกามากถึง 1,000 ไร่ ซึ่งจากแนวคิดการสร้างผืนป่าสีเขียวด้วยการปลูกกาแฟได้เริ่มต้นที่นี่ เช่นเดียวกับที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ OR ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง ณ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ วิจัยและพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟอย่างจริงจัง โดยนำเทคโนโลยีด้านการปลูกและการผลิตกาแฟสายพันธุ์อะราบิกา ให้ได้คุณภาพและมาตรฐานระดับสากล และส่งเสริมการปลูกกาแฟควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ทั้งผลิตภัณฑ์กาแฟดริปและกาแฟแคปซูลปางขอนและผาลั้ง ของ Café Amazon รวมถึงผลิตภัณฑ์กาแฟดริปและกาแฟแคปซูลดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นกาแฟแก้วโปรดของหลายคน จึงมีส่วนให้ใครอีกหลายคน หลายครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นและยั่งยืนขึ้น ปัจจุบันโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนบ้านปางขอนและบ้านผาลั้ง ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนรวมกว่า 151.5 ล้านบาท คิดเป็นผลผลิต 1,095 ตัน (ก.ย. 61- ปัจจุบัน) ในขณะที่กาแฟของดอยอินทนนท์ ช่วยขยายการรับซื้อเมล็ดกาแฟในกลุ่มเกษตรกรชาวเขาในพื้นที่ดำเนินงานของสถานีเกษตรหลวงและศูนย์พัฒนาโครงการหลวงกว่า 800 ราย มีช่องทางการจำหน่ายเมล็ดกาแฟที่มั่นคง ด้วยระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) โดยที่ผ่านมาได้สนับสนุนรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟสาร (Green bean) จากเกษตรกรในพื้นที่ของโครงการหลวง ไปแล้วกว่า 3,200 ตัน พร้อมกับขยายผลจากความสำเร็จนี้ จากสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์สู่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ในขณะเดียวกัน หนึ่งในความยั่งยืนที่ OR และ Café Amazon ปูแนวทางไว้อย่างเป็นรูปธรรม คือการเป็นตลาดรับซื้อเมล็ดกาแฟโดยตรงจากเกษตรกรที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอน ด้วยระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) ยกตัวอย่างการมีโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟ Café Amazon อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตลาดรับซื้อผลผลิตกาแฟจากเกษตรกรโดยตรง ที่มั่นคงยั่งยืนด้วยราคาที่เป็นธรรมนั่นเอง

สิ่งที่ OR และ Café Amazon สะท้อนถึงการวางแนวทางสู่การสร้างความยั่งยืนที่จับต้องได้ ซึ่งมีความหมายอย่างมาก ไม่เพียงต่อเส้นทางสายกาแฟ แต่ยังรวมถึงการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม อย่างการก่อตั้ง Café Amazon Park - ศูนย์เรียนรู้กาแฟครบวงจร ที่ตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านกาแฟแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้ธุรกิจ Café Amazon เติบโตไปพร้อมกับชุมชนและระบบนิเวศ หรือแม้แต่การทดลองต้นแบบการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบด้วยรถบรรทุกไฟฟ้าขนาดใหญ่ (EV Truck) จากโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟ Café Amazon อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ไปยังศูนย์ธุรกิจ Café Amazon อำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา ก็เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจจริงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050 อันเป็นอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญ

สำหรับคนปลายทางอย่างพวกเรา การเดินเข้าไปที่ Café Amazon หนึ่งครั้ง หากสังเกตก็จะได้เห็นรายละเอียดเล็กๆ จากความตั้งใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุ หรือการตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่มอบโอกาสสำหรับผู้ที่ขาดโอกาสให้ได้มีอาชีพ (Café Amazon for Chance) แต่ทั้งหมดทั้งมวลภายใต้การเดินทางที่ยาวไกลของกาแฟจากต้นทางถึงปลายทาง ยังซ่อนเรื่องราวการสร้างความยั่งยืนเอาไว้อย่างน่าชื่นชม จากชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร จนถึงเรื่องอากาศดีๆ ที่เราหายใจ