นางวนบุษป์ อรรถวิทย์ ผู้อำนวยการส่วนจัดการท่องเที่ยวและนันทนาการ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของระบบ E-Ticket การท่องเที่ยวในอุทยนานแห่งชาติ 6 แห่ง ได้แก่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, อุทยานแห่งชาติเอราวัณ, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์


โดยเดิมที ระบบ E-Ticket เป็นการจองและจ่ายเงิน ก่อนจะได้รับตั๋ว จากระบบเก่าพบว่า มีปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับอุทยานบางแห่งที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จะไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ จึงยังจำเป็นต้องใช้ตั๋วกระดาษอยู่ ส่วนระบบใหม่ที่กำลังพัฒนา คือ จองล่วงหน้าและชำระเงิน แต่จะเพิ่มการแสกนใบหน้า (Face Scan) คล้ายกับการใช้บริการสนามบิน เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องใช้เลขพาสปอร์ตเวลาท่องเที่ยวอยู่แล้ว จึงจะเพิ่มการถ่ายรูปและสแกนหน้า ซึ่งยืนยันว่าไม่ยุ่งยาก ส่วนคนไทยจะเชื่อมข้อมูลกับแอปพลิเคชัน Thai ID ทำให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่กำลังจะแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 

...


ทั้งนี้ นางวนบุษป์ ระบุว่า ไม่ได้คิดว่าผู้ประกอบการจะดำเนินการแบบไม่ตรงไปตรงมา แต่ด้วยอำนาจหน้าที่ จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะเป็นการลดการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย


นางวนบุษป์ กล่าวถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่ถ้ำนาคา ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีการสวมชื่อกัน จนเกิดความไม่เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยวที่มาจริงเพราะไม่สามารถจองได้ ต่อไปเจ้าหน้าที่สามารถตรวจชื่อจริงกับบัตรประชาชน เพื่อความโปร่งใส อาจจะต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากขึ้น แต่เชื่อว่าหากทำไปจนคุ้นชินก็จะไม่ยาก และต้องขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวด้วย เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีและความสบายใจต่อทุกฝ่าย


ส่วนเรื่องของ “ตั๋วผี” ที่มีการสวมชื่อกันเข้ามาท่องเที่ยว นางวนบุษป์ เผยว่า หลังจากมีข่าวว่าตั๋วถูกซื้อมาด้วยชื่อคนไทย แต่เป็นคนต่างชาติมา อาจเป็นเพราะเรือของบริษัทท่องเที่ยวที่เข้ามามีหลายลำ อาจจะไม่ได้เรียงตามรายชื่อ แต่ใครมาก่อนก็ได้ลงเรือก่อน ที่ผ่านมาก็ไม่ได้พบความคลาดเคลื่อนอะไร และไม่ได้ให้กรอกชื่อด้วย คงไม่ใช่เรื่องของตั๋วผีแต่อย่างใด