ตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ดินฟ้าอากาศของบ้านเราวิปริตผิดปกติมากขึ้นกว่าหลายๆปีที่ผ่านมา อากาศที่ร้อนจัด 45-47 องศาเซลเซียล พายุฤดูร้อนที่รุนแรงกว่าปกติ ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ ไม่นับการเกิดแผ่นดินไหว ที่ชักจะเริ่มเกิดบ่อยครั้งขึ้น

ขณะที่ในต่างประเทศเราก็เห็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นเช่นกัน ทั้งพายุทอร์นาโด เฮอริเคนที่เกิดบ่อยขึ้น รุนแรงมากขึ้น ในฝั่งโลกตะวันตก ไฟป่าที่รุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ล่าสุดน้ำท่วมใหญ่ในออสเตรเลียและจีน

หลายคนอาจจะยังคงเข้าใจว่า ภาวะฝนตกหนักในขณะนี้เกิดขึ้นจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งทำให้น้ำมากและอากาศเย็นลง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เราอยู่กับปรากฏการณ์เอลนีโญมาหลายปี แต่จริงๆแล้วในขณะนี้ “ลานีญา” ยังไม่ได้มาตามนัดอย่างที่คาดเอาไว้และถือเป็นครั้งที่ 2 ของโลกที่ลานีญามาช้ากว่ากำหนด

โดยในวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝนในวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ระบุด้วยว่า “ในส่วนของอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา (ENSO) ขณะนี้ได้เข้าสู่สภาวะเป็นกลาง (ENSO-Neutral) และมีแนวโน้มจะคงอยู่เช่นนี้ไปจนถึงช่วงเดือน ก.ย. ถึง พ.ย.”

ทั้งนี้ ภาวะเป็นกลาง คือสภาวะที่ไม่ร้อนและไม่เย็นเกินไป ซึ่งดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่นักอุตุพยากรณ์กลับมองว่า สภาวะที่เป็นกลางดังกล่าวเป็นสภาวะที่ทำนายสภาพอากาศ หรือพยากรณ์อากาศได้ยากกว่า

จากประสบการณ์ปีก่อนหน้า พบว่า หลังจากสภาพอากาศโลกเปลี่ยนจากเอลนีโญ เข้ามาสู่สภาวะเป็นกลางไม่นาน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้เกิดพายุเฮอริเคนที่รุนแรงในสหรัฐฯ ทำให้ต้องจับตาดูว่า เมื่อสภาวะเป็นกลางของภูมิอากาศเปลี่ยนเป็นลานีญาในช่วงเวลาอีกไม่นานนี้จะเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงหรือไม่

...

สำหรับประเทศไทยประเมินว่า ปริมาณฝนรวมปีนี้จะมากกว่าค่าเฉลี่ย 5% โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูถึงเดือน ก.ค. ส่วนครึ่งหลังของฤดู (ส.ค.-ต.ค.) ฝนใกล้เคียงค่าเฉลี่ยปกติ โดยในช่วงเดือน มิ.ย.-กลาง ก.ค. อาจเกิดฝนทิ้งช่วงในภาคเหนือ อีสาน ภาคกลางตอนบนกระทบพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก ในเดือน ส.ค.-ต.ค.จะเป็นช่วงที่มีฝนตกหนาแน่น เสี่ยงต่อพายุหมุนเขตร้อน น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง

 ขณะที่แนวทางการรับมือนั้น เมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบหลักการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 งบกลางฯ วงเงิน 7,404.34 ล้านบาท เพื่อทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 จำนวน 2,748 รายการ

 ซึ่งเป็นการเตรียมการที่ดี และหวังว่างบประมาณจำนวนมากนี้ จะช่วยลดระดับความเสียหายของประชาชน และเกษตรกรไทยได้อย่างคุ้มค่า เพราะหากเราย้อนสถิติภัยแล้ง- น้ำท่วมใหญ่ กลับไปหลายๆปีที่ผ่านมา จะพบว่า หากป้องกันไม่ได้ จะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากถึงหลายหมื่นล้าน หรืออาจจะสูงถึงแสนล้านในบางปี.

มิสเตอร์พี

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม