นับตั้งแต่ปี 2542 ที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ริเริ่มการมอบรางวัลเพื่อเชิดชูบุคคล กลุ่มคน และชุมชนที่เป็นต้นแบบในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ต่อเนื่องมาจนยกระดับเป็น "สถาบันลูกโลกสีเขียว" ในปี 2553 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจในชื่อ “รางวัลลูกโลกสีเขียว” ก็ได้สร้างและผนึกกำลังเครือข่ายถึงกว่า 5,000 คน ผ่านผลงาน 873 ผลงานจากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมกับที่มีส่วนช่วยขยายพื้นที่ป่าสะสมไปแล้วถึงกว่า 2.47 ล้านไร่ โดยผลงานที่ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวในแต่ละปี ไม่เพียงบ่งบอกถึงพลังจากคนตัวเล็ก แต่ยังเป็นองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์และใช้ทรัพยากรที่สามารถส่งต่อถึงกันได้ไม่สิ้นสุด

การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นในมุมเล็กๆ

รางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 23 ปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "ปรับเปลี่ยน เรียนรู้ สู่ความยั่งยืน" ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลกที่ต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งสะท้อนผ่านภัยต่างๆ ที่มนุษย์ต้องเผชิญ ไปจนถึงความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติที่ส่งผลต่อเนื่องถึงปากท้องของอีกหลายชีวิตบนโลกใบนี้ เกิดเป็นคำถามตามมาว่า “แล้วเราจะมีชีวิตอย่างไรภายใต้โลกที่มีการเปลี่ยนแปลง”

ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการสถาบันลูกโลกสีเขียว ประธานในพิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 23 กล่าวว่าภายใต้สถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ การเรียนรู้ และปรับตัวอย่างมีภูมิปัญญาผ่านการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติให้กลับคืนมาอย่างสมดุล เป็นสิ่งที่สถาบันลูกโลกสีเขียวส่งเสริมและมุ่งสร้างให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วน ซึ่งรางวัลลูกโลกสีเขียวก็นับเป็นเครื่องการันตีหนึ่งว่าหลายชุมชนทั่วประเทศประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ และสถาบันลูกโลกสีเขียวอยากเห็นการส่งต่อองค์ความรู้เหล่านี้ไปยังชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศเพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน

สอดคล้องกับ คุณวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ที่กล่าวว่า ปตท. เชื่อมั่นเสมอถึงพลังจากชุมชนที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา ความเข้าใจ และผูกพันกับธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อธรรมชาติในชุมชนที่เลี้ยงชีวิต จนเกิดเป็นแนวทางการใช้และอนุรักษ์ทรัพยากรที่สัมฤทธิ์ผล ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีในชุมชน แต่ยังรวมถึงภาพรวมของประเทศ รวมถึงเป็นเล็กๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดีขึ้น

ผลงานจากคนตัวเล็กที่ส่งพลังยิ่งใหญ่

พิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 23 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. กรุงเทพฯ โดยมีผลงานที่ได้รับรางวัลในปีนี้ จำนวน 16 ผลงาน จาก 4 ประเภท ได้แก่

1. ประเภทชุมชน ที่รวมพลังดูแลป่า รักษาน้ำ ปกป้องดิน รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ จำนวน 6 รางวัล ได้แก่

● ชุมชนบ้านหาดปู่ด้าย ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง

● ป่าชุมชนบ้านเขาดิน ต.วังน้ำลัด อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์

● ชุมชนตำบลตะกาง ต.ตะกาง อ.เมืองตราด จ.ตราด

● ป่าชุมชนโคกคึมม่วง บ้านนามะเฟือง ต.นามะเฟือง อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู

● ป่าชุมชนหมู่บ้านทับทิมสยาม 07 ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ

● กลุ่มสะพานไม้บานา ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี

2. ประเภทกลุ่มเยาวชน ผู้หวงแหนและสร้างสรรค์กิจกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม จุดเริ่มแห่งความยั่งยืน 4 รางวัล ได้แก่

● โรงเรียนวัดบางน้ำผึ้งนอก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

● กลุ่มเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม โรงเรียนน้ำสวยวิทยา ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย

● กลุ่มเยาวชนรักษ์ป่าโรงเรียนกาบเชิงวิทยา ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

● กลุ่มเยาวชนรักษ์อ่าวทุ่งนุ้ย ชุมชนบ้านหลอมปืน ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล

3. ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน สำหรับชุมชนต้นแบบที่เข้มแข็ง 3 ผลงาน ได้แก่

● ชุมชนบ้านห้วยหาด ต.อวน อ.ปัว จ.น่าน

● ชุมชนบ้านซำหวาย อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

● ชุมชนบ้านไหนหนัง ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่

4. ประเภทงานเขียนที่ถ่ายทอดเรื่องราวและสร้างแรงบันดาลใจด้านสิ่งแวดล้อม 3 ผลงาน แบ่งเป็น

● รางวัลดีเด่น ได้แก่ ศพของเพื่อนส่งกลิ่นทั่วท้องทะเล โดย พิเชษฐ์ เบญจมาศ

● รางวัลชมเชย ได้แก่ เฟรมผ้าใบที่ไม่ได้จัดแสดง โดย รสสุคนธ์ สารทอง และกว่างนอกสังเวียน โดย พวงเพชร สุพาวาณิชย์

ทั้งนี้รางวัลที่ชุมชนต่างๆ ได้รับในครั้งนี้ สะท้อนถึงความรักและหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนของตัวเองอย่างแท้จริง จนนำมาสู่ย่างก้าวเล็กๆ ที่ค่อยๆ มีพลังมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือเรื่องราวจาก ป่าชุมชนบ้านเขาดิน ต.วังน้ำลัด อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ซึ่งได้รับรางวัลประเภทชุมชนที่ยืนยันได้อีกแรงหนึ่งว่า หากคนตัวเล็กๆ รวมพลังกัน พลังที่ยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้นได้ คุณถนอม ช่วยงาน แกนนำป่าชุมชนบ้านเขาดิน กล่าวว่าเส้นทางอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านเขาดินเองก็เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน จากยุคแรกๆ ที่เกือบจะเป็นผืนป่าแนวราบที่สูญหาย เมื่อความตั้งใจจริงในการปกป้องร่วมกันเกิดขึ้น ป่าชุมชนที่แทบจะสูญหายแห่งนี้กลับยืดหยัดมาถึงคนรุ่นต่อๆ มา หล่อเลี้ยงทุกชีวิตต่อไป

ความรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของแนวทางในการใช้และการอนุรักษ์อย่างสมดุล เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับชุมชนเล็กๆ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กับภารกิจใหญ่ในการอนุรักษ์ป่าชุมชนที่เป็นทั้งแนวป่ากันชน ป่าต้นน้ำของหลายอำเภอในจังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้าน นำโดยผู้ใหญ่บ้านหญิงแกร่ง คุณสายสมร พาบุตร ผู้ใหญ่บ้านทับทิมสยาม 07 ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ที่มุ่งมั่นกับเรื่องนี้มาถึง 18 ปี ที่บอกว่าความหวงแหนทำให้ชาวบ้านในชุมชนร่วมแรงร่วมใจกันอนุรักษ์ป่าผืนนี้ให้อยู่ยืนยาวไปชั่วลูกชั่วหลาน ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าป่าชุมชนก็เหมือนแหล่งอาหารของชาวบ้าน มีอาชีพเสริมอย่างการนำหวายมาทำเป็นเครื่องจักสาน มีป่าจึงเท่ากับมีชีวิต และสิ่งที่คนในชุมชนทำไม่ใช่เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากป่า แต่ยังรวมถึงอนุรักษ์ สำหรับชาวบ้านที่นี่การปลูกป่าทดแทนเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างต่อเนื่องด้วยความรักและหวงแหนอยากให้ป่าผืนนี้ยืนยง ป่าชุมชนบ้านทับทิมสยาม 07 ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทชุมชน ในปีนี้อีกด้วย

ในวันพิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 23 นอกจากจะมีเวทีเสวนาจากผู้ทรงคุณวุฒิเรื่อง “การปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยคุณอุมา ศรีสุข ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม, ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, คุณกุลวดี จันทรปาน ผู้จัดการ สถาบันลูกโลกสีเขียว และตัวแทนชุมชนเข้มแข็ง พ่อหลวงปรีชา ศิริ ผู้นำชุมชนห้วยหินลาดใน จ.เชียงราย เพื่อเรียนรู้แนวทางในการปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในวันที่โลกเปลี่ยนไป แต่ยังถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ผู้ที่มาร่วมงานจากชุมชนต่างๆ จะได้ส่งต่อแนวคิดการอนุรักษ์ผ่านการเชื่อมร้อยเครือข่าย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเวทีเสวนาย่อย ซึ่งช่วยต่อแนวทางดีๆ ไปถึงกันและกันได้อีกมาก

คุณนัยนา ฑีฆาวงค์ ผู้ใหญ่บ้านชุมชนบ้านห้วยหาด จ.น่าน ตัวแทนจากชุมชนที่ได้รับรางวัลประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน ที่ถือเป็นต้นแบบที่เข้มแข็งสู่ความยั่งยืนบอกว่า การได้รับรางวัลเป็นความภาคภูมิใจของชุมชน รวมถึงเป็นสิ่งหนึ่งที่บอกว่าภาคส่วนต่างๆ เห็นความสำคัญของคนตัวเล็กๆ ในชุมชนเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนเรื่องการอนุรักษ์ ผู้ที่ได้รับรางวัลทุกคนรู้สึกเป็นเกียรติที่ ปตท. และมูลนิธิโลกสีเขียว มองเห็นคุณค่าการทำงานของคนเบื้องหลัง และหากการได้มารวมตัวในครั้งนี้สามารถส่งต่อพลังและองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ไปถึงกันได้อีก ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก เพื่อให้โลกยังเป็นสีเขียวตามเจตนารมณ์ของสถาบันโลกสีเขียวแท้จริง

ทั้งนี้ผู้ที่พลาดการร่วมงาน และการไลฟ์สด ยังสามารถเข้าร่วมรับชมย้อนหลังได้ทาง Facebook : Green globe Institute, YouTube : Green globe Institute, ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2537-2568, 08-9816-5102