สาวเมียนมาผวา อ้างถูกนายจ้างร้านอาหารข่มขืน 3 ชีวิตต้องวิ่งหนีตาย กระโดดขวางรถเพื่อขอความช่วยเหลือ ตร.ส่งตรวจร่างกายพบถูกทำร้ายร่างกายและข่มขืนจริง จ่อผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นทหารมาดำเนินคดี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่ขับรถยนต์มาตามเส้นทางสายสุวรรณศร (นครนายก-ปราจีนบุรี) พบสาวชาวเมียนมา จำนวน 3 คน วิ่งออกมากลางถนนเพื่อเรียกให้รถที่วิ่งผ่านมาช่วยเหลือ ทำให้รถผู้สื่อข่าวและรถยนต์ที่สัญจรไปมาต้องเบรกรถกะทันหัน

เมื่อผู้สื่อข่าวและประชาชนที่ขับรถผ่านได้จอดรถลงไปเพื่อพูดคุย เห็นว่าหญิงสาวทั้ง 3 คน ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว สอบถามรายละเอียดจนทราบว่า ทั้ง 3 คนเป็นชาวเมียนมา เข้ามาทำงานในร้านอาหารใกล้กับจุดที่วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ ในพื้นที่ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ที่ทั้ง 3 คนตัดสินใจออกไปขวางรถที่วิ่งผ่าน เนื่องจากได้กวักมือขอความช่วยเหลือรถยนต์ที่วิ่งผ่านไป-มา ไม่มีใครกล้าจอดรถ จึงตัดสินใจวิ่งไปขวางรถที่วิ่งผ่านมา


ส่วนสาเหตุที่ต้องวิ่งหนีนายจ้างออกมาจากร้าน อ้างว่า เนื่องจาก น.ส.อิสังขะอุ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ได้ตามเพื่อนเข้ามาทำงานในร้านอาหารที่เกิดเหตุได้ 5 วัน ถูกจ่าสิบเอกนายหนึ่ง ซึ่งเป็นนายจ้างร้านอาหาร หลอกเข้าไปในห้องนอน แล้วใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง และในขณะข่มขืนยังถูกถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย ในขณะที่นายจ้างเผลอ จึงได้รีบวิ่งหนีออกจากร้านพร้อมเพื่อนสาวชาวเมียนมาไปตามถนน เพื่อต้องการให้คนช่วยเหลือ

...

ในขณะที่ 3 สาวชาวเมียนมา กำลังรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนชาวเมียนมาที่ทำงานใน กทม. เพื่อให้เดินทางมาเป็นเพื่อน เนื่องจากทุกคนกลัวอิทธิพลของนายจ้าง เมื่อเพื่อนๆ ชายชาวเมียนมาทราบ ได้รีบเดินทางมาหา ต่างเข้ากอดร้องไห้ด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากพลี นำกำลังมาให้การช่วยเหลือ พร้อมนำตัวผู้เสียหายเดินทางไปพบกับ ร.ต.อ.วีนะชัย นามสุนา พนักงานสอบสวน สภ.ปากพลี จ.นครนายก ทำการสอบสวน ก่อนส่งตัวผู้เสียหายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลปากพลี ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายและข่มขืนจริง

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ปากพลี ทราบว่า นายจ้างดังกล่าวเป็นทหารในพื้นที่ อ.เมืองปราจีนบุรี และเคยมีประวัติการข่มขืนมาแล้ว 3 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนจะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ส่งตัวมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีต่อไป