คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า CKPower เป็นบริษัทด้านพลังงานที่น่าจับตามองมากที่สุดบริษัทหนึ่งในขณะนี้ ไม่เพียงด้วยวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่มุ่งมั่นจะเป็นหนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำที่สุดรายหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีจุดแข็งต่างๆ ที่นำไปสู่การเติบโตที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยเฉพาะในไตรมาส 1/2568 ที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit) จำนวน 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 242 ล้านบาท …อะไรทำให้ CKPower ก้าวขึ้นมาผงาดในกลุ่มบริษัทด้านพลังงาน เหตุผลต่อไปนี้จะทำให้คุณเข้าใจจุดแข็งและทิศทางของ CKPower มากขึ้น

จุดแข็งจากโครงสร้างธุรกิจ และพอร์ตโรงไฟฟ้า

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 18 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,640 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 แห่ง, โรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 13 แห่ง โดยในปัจจุบันร้อยละ 93 ของกำลังการผลิตติดตั้งมาจากพลังงานหมุนเวียน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งมั่นจะเป็นหนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำที่สุดรายหนึ่ง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดภายในปี 2586

ผลกำไรไตรมาส 1/2568 สะท้อนนัยสำคัญ

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ของ CKPower ว่ามีทิศทางที่น่าสนใจ โดยมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม (EBITDA + Share of Profits) จำนวน 991 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 139 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (Core Net Profit) จำนวน 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้ขาดทุนจากการดำเนินงาน 242 ล้านบาท ซึ่งนั่นช่วยสะท้อนความสำเร็จหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และจะส่งผลต่อย่างก้าวต่อไปอีกด้วยเช่นกัน

“ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 สามารถประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าเดือนมกราคม-พฤษภาคมปี 2568 มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณร้อยละ 3 และยังมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 363 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณน้ำไหลเข้า โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ CKPower พลิกกลับมามีกำไรในไตรมาสนี้ ก็มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ของบริษัท โดยรายได้การขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4 จากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในช่วงต้นปี 2568 ที่มากกว่าปีก่อน ส่งผลให้โรงไฟฟ้าสามารถประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าได้มากขึ้นร้อยละ 7”

ทั้งนี้ การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมลดลงถึง 563 ล้านบาท เหลือเพียง 7 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลงร้อยละ 99 จากปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41 ทำให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย คุณธนวัฒน์ ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบันสถานะทางการเงินของ CKPower สะท้อนได้ถึงความแข็งแกร่งของบริษัทอย่างมาก ซึ่งฐานะการเงินของ CKPower มีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 1.72 เท่า และมีหนี้สินรวมลดลงร้อยละ 3 จากสิ้นปี 2567 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมในระดับต่ำที่ 0.53 เท่า

“CKPower ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตตราสารหนี้ (Issue Rating) จาก "BBB+" เป็น "A-" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 พร้อมคงอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) ที่ระดับ "A-" และแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่ปรับสูงขึ้นนี้สะท้อนถึงโครงสร้างหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น จากการบริหารหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ การทยอยลดภาระหนี้ของบริษัทย่อย และการรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง ส่งผลให้ภาพรวมทางการเงินของบริษัทมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานในปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 691 ล้านบาท”

เจาะกลยุทธ์การเติบโต ควบคู่ความยั่งยืน

สิ่งที่จับตามองอีกประการอยู่ที่แผนงาน ปี 2568-2573 ที่ CKPower ตั้งเป้าจะขยายกำลังการผลิตจากโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งในรูปแบบ Private PPA และยื่นประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเฟส 2 จากภาครัฐ ควบคู่ไปกับการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ด้านโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ที่ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในเฟสแรก โดยจะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ BEM ได้ครบทุกโครงการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ในขณะที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ที่อยู่ในขั้นตอนก่อสร้างก็มีความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ร้อยละ 48 ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินงาน ทั้งนี้ CKPower ถือหุ้นใน LPCL สัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว ในการออกแบบ พัฒนา และก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง ประเภทน้ำไหลผ่านขนาดใหญ่ (Run-of-River) กำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 MW เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

นอกจากนี้ CKPower ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ด้านการเงินสีเขียว (Green Finance) โดยใช้กลไกการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) ซึ่งถือเป็นก้าวต่อไปที่น่าจับตามองอย่างมาก

“และเมื่อเร็วๆ นี้ CKPower ยังประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท โดยมียอดจองเกินวงเงินที่เสนอขายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะนำไปลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ หลวงพระบาง ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของบริษัทเป็นหลัก และส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี สิ่งนี้ถือเป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ CKPower ในฐานะองค์กรที่มีพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาด พร้อมทั้งมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมทุกมิติของห่วงโซ่อุปทาน”

พร้อมกันนี้ในปี 2567 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเครือของกลุ่มบริษัท CKPower สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่งให้ประเทศไทยได้กว่า 8.8 ล้านเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในประเทศด้วยจุดแข็งของ CKPower จากโครงสร้างธุรกิจและพอร์ตโรงไฟฟ้าที่มีทิศทางการเติบโตที่น่าจับตา ไปจนถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อการสร้างความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารการเงินและธรรมาภิบาลของบริษัท ก็ทำให้ทุกย่างก้าวเติบโตและมั่นคงขึ้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องแปลกใจ หากชื่อ CKPower จะเข้าไปอยู่ในใจนักลงทุนมากขึ้นด้วย