การเดินทางสำหรับหลายคนอาจเป็นได้ทั้งการหลบหนีจากความวุ่นวาย การออกไปค้นหาแรงบันดาลใจ หรือเพียงแค่การได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รัก ความสนุกของมันมักเริ่มต้นตั้งแต่การเปิดแผนที่ปักหมุด การจัดกระเป๋า และเสียงสตาร์ทรถที่ดังขึ้นพร้อมกับเพลย์ลิสต์เพลงโปรด แต่ท่ามกลางความตื่นเต้นที่มุ่งสู่ปลายทางนั้น ยังมีอีกหนึ่งโมเมนต์เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเสมอ นั่นคือ “การแวะพักระหว่างทาง”
เชื่อว่าเราทุกคนคงคุ้นเคยกับภาพนี้ดี หลังจากขับรถมาสักพัก ความเหนื่อยล้าเริ่มถามหา หรือเสียงท้องเริ่มร้องเบาๆ เพื่อนร่วมทางคนข้างๆ ก็จะหันมาถามด้วยประโยคสุดคลาสสิก “แวะเซเว่นฯไหม?”
คำถามสั้นๆ นี้เป็นมากกว่าแค่การชวนซื้อของ แต่มันคือสัญญาณแห่งความอุ่นใจ เป็นเหมือนโอเอซิสที่เรารู้ว่าข้างหน้ามีความเย็นฉ่ำ มีของอร่อย และมีความปลอดภัยรออยู่ และจะดีแค่ไหนถ้านับจากนี้ไปทุกการแวะพักที่คุ้นชินจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ “ใจฟู” ได้มากกว่าที่เคย
จากจุดพักกาย สู่แลนด์มาร์กพักใจ เมื่อประตูบานเล็กๆ เปิดรับการเดินทางบทใหม่
ประเทศไทยเต็มไปด้วยเมืองน่าเที่ยวตลอดทั้งปี และเสน่ห์ของมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เมืองหลักที่คึกคัก แต่ยังซ่อนอยู่ในเมืองรองที่รอให้นักเดินทางไปค้นพบ ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ลึกซึ้งและมีความหมายกว่าเดิม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ร่วมมือกับ เซเว่น อีเลฟเว่น สานต่อเรื่องราวการเดินทางผ่านโครงการ “ชวนเที่ยวไทย แวะเซเว่นฯ เมื่อไหร่ก็ใจฟู” ที่จะเป็นการสานความร่วมมือเพื่อทำให้การท่องเที่ยวไทยนับจากนี้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ที่สนุกสนานและสะดวกสบาย ทั้งจากเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวและศักยภาพของร้านเซเว่นฯที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนและชุมชนไว้ด้วยกันผ่านความรู้สึกอุ่นใจ
มุมมองจากฝั่งเซเว่น อีเลฟเว่น โดย คุณทัพพ์เทพ จีระอดิศวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ ได้สะท้อนภาพนี้ไว้อย่างอบอุ่นว่า เขาเชื่อเสมอว่าร้านเซเว่นฯก็เปรียบเสมือน ‘ประตูบานเล็กๆ’ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ก้าวเข้าไปสัมผัสรสชาติและเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น ซึ่งโครงการนี้ก็คือความตั้งใจที่จะเปิดประตูบานนั้นให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เปลี่ยนร้านสะดวกซื้อที่คุ้นเคยให้กลายเป็น “จุดพักใจ” ที่เป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ท้องถิ่น เราอาจเคยเห็นภาพเซเว่นฯ คู่กับภูเขาไฟฟูจิที่ญี่ปุ่นจนเป็นไวรัล แต่ที่เมืองไทยเองก็มีเซเว่นฯ สวยๆ ที่กลมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ จนกลายเป็นแลนด์มาร์กที่ต้องแวะเช็กอินอยู่ทั่วประเทศเช่นกัน
โดยการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการก็จัดขึ้นอย่างน่ารักและอบอุ่นเป็นกันเอง บนรถไฟสายพิเศษ Royal Blossom ที่มุ่งตรงจากกรุงเทพฯสู่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสัมผัสเสน่ห์ของการท่องเที่ยวไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจนคนทั่วโลกต่างติดใจ
ทุกการแวะ คือการสร้างรอยยิ้มให้ชุมชน
ความ “ใจฟู” ของการเดินทางครั้งใหม่นี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสุขส่วนตัว แต่ยังส่งต่อไปถึงผู้คนในชุมชน เพราะภายใต้บทบาท “พื้นที่แห่งโอกาส” เซเว่นฯ ได้กลายเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างนักเดินทางกับผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรในพื้นที่ การที่เราแวะเข้าไปเลือกซื้อขนมพื้นเมือง หรือผลิตภัณฑ์จากเกษตรกร ไม่เพียงแต่เป็นการเติมพลังให้ตัวเอง แต่ยังเป็นการเติมพลังใจและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เศรษฐกิจฐานราก ผ่านสินค้าคุณภาพดีที่ถูกคัดสรรมาวางจำหน่ายในสาขาทั่วประเทศ ความร่วมมือนี้จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนรอยยิ้มของผู้คนในทุกชุมชนที่เราเดินทางผ่าน และสิ่งเหล่านี้ก็คือหัวใจของปณิธาน “Giving and Sharing” ที่เซเว่น อีเลฟเว่น ยึดมั่น ภายใต้การส่งมอบ “3 ให้” ได้แก่ “ให้ช่องทางขาย” ผ่านร้านเซเว่นฯ และช่องทางออนไลน์ “ให้ความรู้” ในการพัฒนาสินค้า และ “ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย” สนับสนุน SMEs เพื่อจับมือพันธมิตรรายเล็กให้เติบโตไปไกลด้วยกัน
ลองจินตนาการดูว่าขนมพื้นถิ่นอร่อยๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกซื้อนั้นคือหนึ่งในกว่า 20,000 รายการสินค้าที่มาจาก SMEs และเกษตรกรกว่า 50,000 ครอบครัว ทั่วประเทศ ทำให้ทุกครั้งที่เราหยิบสินค้าสักชิ้นคือการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับพวกเขา และยังเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จที่ทำให้สินค้าไทยหลายรายได้เติบใหญ่
เที่ยวสนุก สะดวกครบ และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
เพื่อให้ทุกการเดินทางราบรื่นและเต็มไปด้วยความสุข โครงการนี้ยังได้ยกระดับการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางชาวไทยหรือชาวต่างชาติ เซเว่นฯพร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดที่อุ่นใจได้เสมอ ผ่านบริการต่างๆ มากมาย อาทิ
- สามารถจองตั๋วเดินทางทั่วไทยได้ง่ายๆ ทั้งรถทัวร์, เครื่องบิน และเรือเฟอร์รี่
- บริการประกันการเดินทางเพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุม
- มีบริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) ณ เซเว่นฯ 7811 สาขาทั่วไทย ตอบโจทย์นักเดินทางต่างชาติเต็มร้อย
- SPEED-D บริการรับ-ส่งพัสดุ ตลอด 24 ชม. ถูกใจสินค้าชิ้นใดอยากได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านก็ไม่จำเป็นต้องหิ้วไปด้วย เพียงแค่ใช้บริการ SPEED-D ก็ชิลได้ตลอดทริป
และเพื่อเพิ่มความสนุกให้ทุกเส้นทาง โครงการยังได้ชวนทุกคนมาสะสมความทรงจำผ่านกิจกรรมเก็บตราปั๊มจังหวัดผ่าน E-Passport ใน 7App ซึ่งเป็นเหมือนไดอารี่บันทึกการเดินทางในรูปแบบใหม่ ทุกครั้งที่คุณแวะพักในจังหวัดต่างๆ ก็จะได้สะสมความทรงจำกลับไป ดั่งรางวัลแห่งความภาคภูมิใจส่วนตัว ยิ่งตราปั๊มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งใจฟู แถมยังนำไปแลกของรางวัลได้อีกด้วย (เริ่มสะสมได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 68 จนถึงวันที่ 3 ม.ค. 69 วันหมดอายุคูปองจะขึ้นอยู่กับวันที่ได้รับคูปองมา (ประมาณ 30 วัน) ไม่เกี่ยวกับวันสิ้นสุดแคมเปญ)
ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับมุมมองของ ททท. โดย คุณกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เผยว่า กิจกรรมตราประทับทั้ง 77 จังหวัดนี้ ไม่ใช่แค่เกมสนุกๆ แต่คือเครื่องมือที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักเดินทางอยากออกไปค้นพบ “ของดี” ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี หรืออาหารท้องถิ่น เป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ซึ่งหัวใจสำคัญที่สุดคือการช่วยกระจายรอยยิ้มและรายได้ไปสู่ผู้คนในชุมชนได้อย่างแท้จริง
การรวมพลังของ ททท. และเซเว่น อีเลฟเว่น ในครั้งนี้กล่าวได้ว่าเป็นการจับมือที่อบอุ่นและชวนให้ใจฟูตามชื่อโครงการอย่างแท้จริงด้วยการเปลี่ยนให้ทุกเส้นทางที่เรามุ่งหน้าไปกลายเป็นพื้นที่แห่งความสนุกและน่าค้นหา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบางครั้งเสน่ห์ของการท่องเที่ยวมันก็เกิดจากเรื่องราวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าจะรสชาติของขนมท้องถิ่นที่ไม่เคยลอง รอยยิ้มของคนในชุมชนที่เราได้สนับสนุนโดยไม่รู้ตัว และการได้ “แวะพัก” ในที่ๆ เราคุ้นเคย
ยังมีเซเว่นฯอีกมากมายทั่วประเทศที่รอให้คุณไปค้นพบเรื่องราวและเช็กอิน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนร่วมทางหันมาถามคุณด้วยประโยคเดิมๆ ว่า “แวะเซเว่นไหม?” ครั้งนี้คุณอาจจะยิ้มและลองมองหาเซเว่นฯใกล้ๆ ทันที เพราะรู้ว่าที่นั่นจะมีเรื่องใจฟูรออยู่อย่างแน่นอน