นับตั้งแต่ปี 2546 ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะ (สสส.) ร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำรายงานสุขภาพคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปีเราจะมีโอกาสได้ทราบภาวการณ์ด้านสุขภาพ และสุขภาวะของคนไทยในหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมต้องร่วมกันตระหนัก ขณะเดียวกันหลายเรื่องก็จำเป็นต้องผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนเชิงนโยบายเพื่อรับมือกับอนาคตด้วยเช่นกัน สำหรับรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 ครั้งนี้ นอกจากจะมี 10 สถานการณ์เด่นที่ส่งผลต่อสังคมรอบด้านแล้ว ยังมีสถานการณ์ที่คณะผู้วิจัยหยิบยกขึ้นเป็นหัวข้อสำคัญเพื่อสร้างการตระหนักรู้ รวมถึงคาดหวังให้นำไปสู่การขยายผล อย่างปัญหาด้านสุขภาพจิต ที่มีข้อมูลพบว่าคนไทยจำนวนถึง 13.4 ล้านคน เผชิญกับปัญหานี้ ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จก็เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปี รวมถึงยังมีอีกภาวการณ์หนึ่งที่น่าจับตา อย่างอัตราการเกิดที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ
ตระหนักรู้ ปัญหาด้านสุขภาพจิตคนไทย
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชไพบูลย์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะ หรือ สสส. กล่าวในพิธีเปิดการประชุม Forum เปิดตัวรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 ที่ สสส. ร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อเร็วๆ นี้ว่า สถานการณ์สุขภาพของคนไทยเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยในหลายมิติ ไม่เพียงจำกัดอยู่กับแค่สุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพจิตใจ ที่ทั้งหมดล้วนสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของระบบสุขภาพที่มีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และนโยบายของภาครัฐเช่นกัน ผู้จัดการ สสส. แสดงทรรศนะว่า สังคมมนุษย์มีความเจ็บป่วยที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค อันได้แก่ ยุคที่ความเจ็บป่วยเกิดจากโรคติดเชื้อหรือเชื้อโรคต่างๆ ยุคต่อมาเป็นยุคที่ความเจ็บป่วยมีต้นเหตุมาจากกิเลส หรือความอยากจนนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ก่อให้เกิดโรคในกลุ่ม NCDs และยุคที่สังคมกำลังป่วยไข้ หรือ Social Pathology จากการมีเทคโนโลยีและโลกแห่งการเชื่อมโยงเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งประเด็นหลังสุดนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพจิตที่ผู้คนกำลังเผชิญ และสิ่งที่น่าตกใจสำหรับสังคมไทยในวันนี้คือ การที่มีตัวเลขของคนไทยถึง 13.4 ล้านคนเผชิญกับปัญหานี้ ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ก็เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปี
“ต้องบอกว่า ตัวเลขของคนไทยที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย และถ้ามองลึกลงไปที่รายละเอียดจากรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 ตัวเลขของคนไทยจากปีงบประมาณ 2566 มีคนพยายามฆ่าตัวตายถึง 31,110 คน หรือคิดเป็น 47.7 ต่อแสนประชากร โดยเป็นคนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จถึง 5,172 คน หรือ 7.9 ต่อแสนประชากร ซึ่งที่น่าตกใจคือ สิ่งนี้เกิดขึ้นกับกลุ่มเปราะบาง 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มวัยเรียน 15-19 ปี กับกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยข้อมูลยังระบุอีกว่า ในปี 2566 มีคนไทยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและเข้ารับบริการถึง 4 แสนคน เพิ่มขึ้นกว่า 1.7 เท่าในเวลาไม่ถึงทศวรรษ ซึ่งตัวเลขนี้กำลังสะท้อนอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยของเรา ขณะเดียวกันก็นำไปสู่การตั้งคำถามด้วยว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่เราแสวงหา และการมีตัวเลข GDP ที่เพิ่มขึ้น นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริงของคนในสังคมหรือไม่ ระบบบริโภคนิยมกับทุนนิยมเป็นวิธีเดียวที่จะนำมาซึ่งความสุขจริงหรือ ซึ่งหากเราเชื่อแบบนั้นก็อาจเท่ากับว่า เรากำลังเลียนแบบระบบการคัดสรรแบบธรรมชาติที่ว่าด้วยการกำจัดคนอ่อนแอออกไป ผู้ที่ยืดหยัดอยู่ได้คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งสังคมมนุษย์กำลังทำแบบนี้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างเด็กเยาวชนและผู้สูงวัย โดยการทิ้งพวกเขาไว้ จนนำไปสู่ปัญหาโรคซึมเศร้า หรือการฆ่าตัวตาย คำถามคือ ถึงเวลาหรือยังที่เราจะหันมามองความสุขของสังคมในอีกมิติที่ละเอียดอ่อนขึ้น”
ผู้จัดการ สสส. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า แท้จริงแล้วปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่คนในสังคมต้องร่วมกันรับผิดชอบ เนื่องจากส่งผลถึงกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับ สสส. และภาคีเครือข่าย แล้ว เรื่องสุขภาพจิต หรือสุขภาพทางใจยังเป็นอีกเรื่องที่ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะสร้างการตระหนักรู้ให้มากขึ้นในสังคมอีกด้วย โดยหนึ่งในแนวทางที่ สสส. และ ภาคีเครือข่าย ร่วมผลักดันมาอย่างต่อเนื่องคือการส่งเสริมให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาวะทางจิตวิญญาณ (Spiritual Well-being) ขึ้น เนื่องจากเชื่อมั่นว่าเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ผู้คนได้ค้นพบความสุขจากตัวเอง โดยหนึ่งในโครงการที่มุ่งหวังสร้างการรับรู้แก่สังคมมากขึ้น คือการจัดกิจกรรม Soul Connect Fest ให้เป็นพื้นที่สำหรับเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องสุขภาวะทางจิตวิญญาณ รวมถึงการค้นหาความหมายของการมีชีวิต การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจผ่านแนวทางต่างๆ ที่เชื่อว่าจะเป็นฐานที่แข็งแกร่งของสุขภาพทางใจได้
รศ.ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ หัวหน้าโครงการจัดทำรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 กล่าวเน้นย้ำว่าสุขภาพจิตมีความเชื่อมโยงกับพฤติกรรมสุขภาพในด้านต่างๆ ทั้งพฤติกรรมเสี่ยงในเรื่องสุรา การมีพฤติกรรมทางกายที่ไม่ดีพอ ไปจนถึงการบริโภคอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ สุขภาพจิตเป็นผลที่เกิดขึ้นกับพฤติกรรมในด้านอื่นๆ และเป็นปัจจัยในการกำหนดพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น เหตุนี้เองสิ่งหนึ่งที่คณะผู้วิจัยพยายามสื่อสารออกไปในวงกว้าง คือการแสดงให้เห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตใช่เรื่องปัจเจก แต่เป็นปัญหาหรือผลกระทบที่มาจากทั้งครอบครัว ชุมชน รวมถึงบริบทระดับประเทศ และภาพรวมระดับโลก ดังนั้นเมื่อจะแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตจึงเป็นต้องต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยคณะผู้วิจัยยังเน้นย้ำว่า ปัญหาสุขภาพจิตคือปัญหาร่วมของสังคมที่การแก้ไขจะต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ และการมีความรอบรู้ทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น นอกเหนือจากแค่ความรอบรู้ทางสุขภาพเป็นฐาน ทั้งนี้เมื่อรู้มากขึ้น ก็จะเข้าใจมากขึ้น รวมถึงสามารถปฏิบัติตนต่อทั้งตัวเอง ผู้อื่น และสังคม ให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้
เข้าใจสถานการณ์ พร้อมรับมืออนาคต
นอกจากปัญหาเรื่องสุขภาพจิตแล้ว รายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 ยังได้เผยถึงสถานการณ์เด่นที่เกิดขึ้นที่จุดประเด็นให้สังคมได้ขบคิดร่วมกันมากขึ้นด้วย รศ.ดร.เฉลิมพล กล่าวว่าสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปขยายผล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนผลักดันเชิงนโยบายที่จะนำไปสู่การรับมือกับปัญหาหรือภาวการณ์ต่างๆ ในอนาคต แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการตระหนักรู้ให้กับสังคมอีกด้วย
“สถานการณ์เด่นทางสุขภาพ ปี 2568 ที่อยู่ในความสนใจของสังคมที่เราหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 มีอยู่ด้วยกัน 10 สถานการณ์ ได้แก่ 1.แก้กฎหมายสุรา : จับตาผลกระทบด้านสังคมและสุขภาพ 2.บุหรี่ไฟฟ้า ภัยคุกคามสุขภาพที่บุกเกมรุก 3.กัญชาทางการแพทย์กับความสับสนทางนโยบาย 4.ประเทศไทยกับวันที่กาสิโนถูกกฎหมาย: อาจได้ไม่คุ้มเสีย 5.ถอดบทเรียน “ดิไอคอน” เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ แชร์ลูกโซ่ 6.อุบัติเหตุรถบัสโดยสาร : หลากหลายคำถามเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย 7.การจัดการน้ำท่วมในภาคเหนือ : ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ 8.ปลาหมอคางดำ กับการรับมือเอเลียนสปีชีส์ในไทย 9.ความซับซ้อนของมาตรการของรัฐในการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมและขยะอันตราย 10.ชีวิตติดหนี้: ปัญหาใหญ่ครัวเรือนไทย ซึ่งเหล่านี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่องในสังคม รวมอาจสร้างผลกระทบต่อไปในระยะยาวด้วย จริงๆ การจัดทำรายงานสุขภาพคนไทยออกมาในแต่ละปี เรามีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้อ่านอยู่หลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่อยากให้เข้าถึงมากขึ้นคือกลุ่มประชาชนคนไทย เนื่องจากเนื้อหาจะเป็นเชิงวิชาการที่เรามุ่งหวังให้ผู้คนมีความรอบรู้ทางสุขภาพ และความรอบรู้ทางพฤติกรรมสุขภาพด้านต่างๆ ทั้งด้านพฤติกรรมทางกาย การบริโภคอาหาร และสุขภาพจิต ทั้งนี้ได้ย่อยเนื้อหาออกมาในรูปแบบบทความสั้นและอินโฟกราฟิกเพื่อให้ประชาชนเข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากจะเผยแพร่ในเว็บไซต์แล้ว ก็ยังมีคลิปสั้นที่เราเผยแพร่ในช่องทางอื่นๆ ตามกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีในการดูแลสุขภาพ และการสร้างเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น”
โดยนอกจาก 10 สถานการณ์เด่นสุขภาพคนไทย ปี 2568 รวมถึงปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญแล้ว ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่ถูกพูดถึงในครั้งนี้ด้วย นั่นคือ ปัญหาอัตราการเกิดของประชากรไทยที่ต่ำลง ซึ่งเดินทางเข้าสู่ภาวะต่ำสุดอันมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ไปจนถึงแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอิสรภาพในการใช้ชีวิต และมองว่าการมีลูกเป็นภาระ ทั้งนี้ได้นำเสนอผ่านเรื่องพิเศษประจำฉบับ “เกิดน้อยกู่ไม่กลับ ต้องปรับและรับมืออย่างไร?” รวมถึงมีการร่วมเสนาบนเวทีจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ เพื่อให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของหนึ่งในภาวการณ์สำคัญที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ว่าจะส่งผลในวงกว้าง ขณะที่ภาคประชาชน รวมถึงภาครัฐก็ต้องตระหนักและเตรียมมืออย่างจริงจังมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับประชาชนที่สนใจ รายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.thaihealthreport.com และช่องทางอื่นๆ ตามรูปแบบการนำเสนอ
Facebook: สุขภาพคนไทย
YouTube : สุขภาพคนไทย
TikTok: 30 วิ สุขภาพคนไทย
Instagram: @ThaiHealthReport