ซีพีเอฟ ย้ำจุดยืนเคียงข้างประชาชน พร้อมระดมสรรพกำลังในเครือ และจับมือกับภาคีเครือข่าย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัย หลังผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เริ่มปะทะกันในวันที่ 24 ก.ค. 2568 และมีการเจรจากันในวันที่ 28 ก.ค. เพื่อหยุดยิง ที่นอกจากก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตผู้คนจำนวนมากแล้ว ยังทำให้ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนกว่า 188,000 คน จนถึงวันนี้หลายคนยังไม่สามารถกลับบ้านของตนเองได้
นับจากวันที่เริ่มเกิดเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ซีพีเอฟ ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย “อยู่เคียงข้างทุกวิกฤติ” โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย ภาครัฐ ภาคสังคม หน่วยงานจิตอาสา และอีกหลายหน่วยงานใน 5 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และตราด ด้วยการส่งมอบวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารของ CP และผลิตภัณฑ์อาหารในเครือซีพีเอฟ ส่งไปทั่วถึงในทุกพื้นที่ รวมทั้งยังจัดหาน้ำดื่ม และของใช้จำเป็นอย่าง เครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และหน้ากากอนามัย มอบแก่ศูนย์พักพิง โดยมีธุรกิจสุกรของซีพีเอฟ ภาคอีสาน เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขับเคลื่อนความช่วยเหลือนี้ โดยเร่งจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ 3 ศูนย์ คือ
...
- ศูนย์อุบลราชธานี
- ศูนย์ศรีสะเกษ
- ศูนย์สุรินทร์
ทั้ง 3 ศูนย์นี้เป็นจุดประสานงานช่วยเหลือ สนับสนุนวัตถุดิบอาหาร และประสานงานกับทั้งบริษัทในเครือซีพี ซีพีเอฟ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย เพื่อช่วยประชาชน และยังเป็นจุดรับเรื่องช่วยเหลือพนักงานและครอบครัว พร้อมทั้งเปิดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ประชาชนผู้ประสบภัยได้อพยพมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
ที่สำคัญยังมีโรงครัวจิตอาสา 2 แห่ง คือ ที่โรงครัวซีพีจิตอาสาศูนย์สุรินทร์ และโรงครัวซีพีจิตอาสาศูนย์อุบลราชธานี ที่มีทีมจิตอาสาช่วยกันทำอาหารกลางวัน 1,000 กล่องต่อวัน พร้อมกับน้ำดื่ม CP ส่งมอบแก่ศูนย์พักพิงและศูนย์อพยพทั้งหมด 7 ศูนย์ และสนับสนุนวัตถุดิบแก่หน่วยงานภาครัฐอีก 2 แห่ง เพื่อดูแลผู้อพยพและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดเหตุชายแดนไทย-กัมพูชาวันแรกเมื่อ 24 ก.ค. 2568 เป็นต้นมา
...
นอกจากนี้คณะผู้บริหารเครือซีพี และซีพีเอฟ ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อมอบกำลังใจให้กับทีมงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ด่านหน้า รวมทั้งเข้าเยี่ยมฟาร์มของเกษตรกรในโครงการคอนแทรคฟาร์มมิ่งเลี้ยงหมู เพราะการมอบขวัญและกำลังใจเป็นการสร้างความมั่นคงที่ตอกย้ำว่าทีมงานซีพีทุกคนจะไม่ทิ้งกันและจะอยู่ดูแลชุมชนต่อไป
ทั้งนี้ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ได้แสดงความรู้สึกประทับใจ และแสดงความขอบคุณซีพีเอฟ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียงทุกชุมชน ที่มีหน่วยงานราชการต่างๆ ขอการสนับสนุนวัตถุดิบเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตอกย้ำให้เห็นว่าซีพีเอฟไม่เคยทอดทิ้งกัน พร้อมช่วยดูแลพี่น้องในชุมชนด้วยดีเสมอมา เพื่อให้พวกเราทุกคนผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
...
สำหรับความช่วยเหลือด้านต่างๆ จากหน่วยงานของซีพีเอฟ ยังมีดังนี้
คณะทำงาน CSR (Corporate Social Responsibility) ของโรงงานผลิตอาหารสัตว์ศรีสะเกษ ธุรกิจสุกร ให้ความช่วยเหลือ โดยตั้งศูนย์พักพิง และชุมชนโดยรอบโรงงานรวม 5 แห่ง พร้อมมอบไข่ไก่ น้ำดื่ม อาหารแห้ง นมผงสำหรับเด็ก และของใช้จำเป็นแก่ผู้ประสบภัย
โรงงานชำแหละไก่ศรีสะเกษ มอบผลิตภัณฑ์ไก่และน้ำดื่ม แก่จุดอพยพทั้งหมด 7 จุด มีผู้อพยพรวม 7,700 ราย ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.กันทรารมย์ และมอบผลิตภัณฑ์ไก่ ให้กับหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า อีก 2 หน่วย รวมทั้งทีมงานจิตอาสาร่วมกับภาคีเครือข่าย ส่งมอบของใช้จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 หน่วย
...
ฟาร์มไก่ไข่จักราช จ.นครราชสีมา ในส่วนของธุรกิจไก่ไข่ได้ร่วมมือกับโรงข้าวบุรีรัมย์ของซีพี ปรุงเมนูข้าวไข่เจียว วันละ 1,000 กล่อง มอบให้กับผู้ประสบภัยที่พักในศูนย์อพยพ จ.บุรีรัมย์ ต่อเนื่องทุกวันจนกว่าจะปิดศูนย์อพยพ
ทีมห้าดาวภาคอีสาน ยังช่วยเหลือผู้อพยพด้วยการมอบน้ำดื่มและข้าวสารให้ศูนย์พักพิง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเข้าให้กำลังใจพี่น้องประชาชนในศูนย์ฯ และเยี่ยมเถ้าแก่ห้าดาวในพื้นที่เสี่ยงด้วย
จากความช่วยเหลือทั้งหมดนี้ ซีพีเอฟ ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่พร้อมยืนเคียงข้างประชาชนในทุกวิกฤติ พร้อมช่วยเหลือชุมชน ส่งมอบทุกความห่วงใยและกำลังใจผ่านอาหารทุกมื้อถึงพี่น้องประชาชนให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างความปลอดภัย