หลายครั้งสงครามในใจก็อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างมื้ออาหาร ในตอนที่เราต้องเลือกระหว่าง “ความสุข” และ “สุขภาพ”
ไม่ว่าจะเสียงเปิดถุงขนมกรุบกรอบที่แสนเพลินใจ แต่ทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกผิดจาง ๆ หรือจะเป็นเบอร์เกอร์ชิ้นโตฉ่ำซอสสุดยั่วยวน แต่ก็ชวนให้กังวลเรื่องแคลอรี ในทางกลับกัน สลัดผักชามโต ข้าวไรซ์เบอร์รี และของว่างที่ดีต่อร่างกาย ก็อาจทำให้ใจเราโหยหารสชาติเข้มข้นที่ทำให้ใจฟูได้มากกว่า
นี่อาจเป็นภาพคุ้นตาในใจของใครหลายคน การต่อสู้เล็ก ๆ ก่อนเลือกกินอะไรสักอย่าง จนบางครั้งทำให้เราเหนื่อยใจที่ต้องเลือกระหว่าง “สิ่งที่ชอบ” กับ “สิ่งที่ดี” แต่ที่จริงแล้วความอร่อยที่เราหลงใหลสามารถจับมือไปพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงได้อย่างลงตัว
คำตอบเรื่องนี้อาจเรียบง่ายและใกล้ตัวกว่าที่คิด ด้วยแนวทางที่เรียกว่า “การกินอยู่อย่างสมดุล” (Balanced Diet) แนวคิดที่ไม่ใช่การหักห้ามและมองทุกอย่างแบบสุดโต่ง แต่คือการโอบรับทั้งความสุขจากรสชาติที่รัก และการมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน และสิ่งนี้ก็คือเคล็ดลับที่จะคืนอิสระและความสุขให้ทุกมื้ออาหารของเราอย่างยั่งยืน
จุดประกายความสุขบนจานอาหาร กับแคมเปญ “กินได้กินดี”
แนวคิดเรื่องการกินอย่างสมดุลคือสิ่งที่ เนสท์เล่ (Nestlé) เชื่อมั่นและให้ความสำคัญมาโดยตลอด ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากเห็นคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี แข็งแรงทั้งกายและใจ และในปีนี้ ความตั้งใจนั้นได้ถูกจุดประกายให้สว่างชัดยิ่งขึ้น ผ่านแคมเปญใหม่ล่าสุดในชื่อ “กินได้ กินดี อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน”
แคมเปญนี้สานต่อมาจากแนวคิด “คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่” ที่เนสท์เล่สื่อสารมาตลอด เพราะทุกคำที่เรากินไม่ได้เป็นแค่การเติมพลังงาน แต่คือการเติมความสุข คือโมเมนต์แห่งการผ่อนคลาย และคือสายใยที่เชื่อมเราเข้ากับคนรอบข้าง คุณสลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้เล่าถึงหัวใจของแคมเปญนี้ว่า “ตั้งใจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเห็นว่าการมีสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องยาก สามารถกินของที่อร่อยและดีต่อใจได้ เพียงแค่เพิ่มความสมดุลในแต่ละมื้อ เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน”
และแรงบันดาลใจนั้นก็ได้ถูกส่งต่ออย่างเป็นรูปธรรมในกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ ณ สามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง ทีมงานได้เดินสายทักทายและแนะนำวิธีการ “กินได้ กินดี” กันถึงโต๊ะอาหาร พร้อมมอบชุดผลิตภัณฑ์ “กินได้ กินดี” ที่มีทั้งเนสวีต้า นมตราหมียูเอชที และผลไม้สด เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่มาสะกิดบอกเบา ๆ ว่า “มื้ออร่อยของคุณวันนี้ บาลานซ์ให้ดียิ่งขึ้นได้นะ”
“สุขภาพดีที่ไม่ต้องฝืน” ทางออกของวิกฤตสุขภาพในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ
กิจกรรมที่อบอุ่นและเข้าถึงง่ายเหล่านี้ คือภาพสะท้อนของความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่ในการร่วมแก้ปัญหาท้าทายด้านสุขภาพของคนไทย เพราะ “โรค NCDs” หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้กลายเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับ 1 ซึ่งมีรากฐานสำคัญมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการกิน แต่เราต่างเข้าใจดีว่า ในดินแดนที่เต็มไปด้วยสตรีทฟู้ดและอาหารรสเลิศ การจะหักดิบกินอาหารเพื่อสุขภาพ 100% นั้นแทบเป็นไปไม่ได้และไม่ยั่งยืน การสร้าง "สมดุล" จึงเป็นทางออกที่ใช่และเปี่ยมด้วยความเข้าใจ
อันที่จริงแล้วการกินอยู่อย่างสมดุลสามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด โดยการใช้เทคนิค “บวก” อาหารเพิ่มประโยชน์ (Food Pairing), “แบ่ง” ปริมาณพอดี (Portion Control), และ “แพลน” มื้อหนักเบาพอเหมาะ (Meal Planning)" ซึ่งเป็นเทคนิคที่นำไปปรับใช้ได้กับทุกคน ทุกไลฟ์สไตล์
หากคุณคือชาวออฟฟิศสายลุย ที่ชีวิตขับเคลื่อนด้วยเดดไลน์ มื้อเที่ยงคือการแข่งขันกับเวลา และมื้อเย็นคือรางวัลฮีลใจหลังสู้มาทั้งวัน เราเข้าใจดีว่าความรวดเร็วและความสะดวกสบายคือหัวใจ แต่คุณสามารถอัปเกรดมื้อด่วนให้ดีกว่าเดิมได้ง่าย ๆ โดย “บวก” ใยอาหารดี ๆ เข้าไป เช่น จับคู่กาแฟดำยามเช้ากับขนมปังธัญพืช หรือในมื้อกลางวันที่เลือกแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโปรด ลองบวกผลไม้สดหรือน้ำผักปั่นเข้าไปอีกสักอย่าง และอย่าลืม “แพลน” เตรียมเสบียงสุขภาพเล็ก ๆ อย่างอัลมอนด์หรือกล้วยไว้ที่โต๊ะทำงาน นี่คืออาวุธลับที่จะช่วยป้องกันอาการโหยช่วงบ่าย ซึ่งมักเป็นตัวการทำให้เราจัดหนักในมื้อถัดไปโดยไม่รู้ตัว และในวันที่เหนื่อยล้าการฮีลใจด้วยของอร่อยไม่ใช่เรื่องผิด แค่ลองฟินกับมันในปริมาณที่พอดี “แบ่ง” กินอย่างพอเหมาะ เช่น ช็อกโกแลตแท่งเล็กๆ สักสองชิ้น เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
หากคุณคือสายสุขภาพผู้มีวินัย นับแคลและออกกำลังกายอย่างเข้มงวด วินัยที่เข้มงวดเกินไปอาจทำให้คุณลืมที่จะมีความสุขกับการกิน ลองบาลานซ์สมการใหม่ให้เฮลท์ตี้ทั้งกายและใจ เริ่มจากการ “บวก” โปรตีนคุณภาพดีลงในจานสลัดของคุณ เช่น เนื้อสัตว์ไขมันต่ำเพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายฟิตยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ลอง “แบ่ง” พื้นที่ให้ความสุขด้วยการเติมขนมที่ชอบบ้างในปริมาณที่พอดี เช่น ไอศกรีมแคลอรีต่ำสักแท่ง การปล่อยให้ตัวเองได้อร่อยกับของที่ชอบบ้าง คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เส้นทางสุขภาพของคุณยั่งยืนและไม่ตึงจนเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถ “แพลน” มื้อเบา ๆ ก่อนออกกำลังกายด้วยกาแฟดำคู่กับแครกเกอร์ธัญพืช เพื่อปลดล็อกพลังให้คุณออกกำลังกายได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และหากคุณคือสายชิลล์ผู้ปล่อยจอย เชื่อว่าวันหยุดคือช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ของการพักผ่อน และการเอนกายบนโซฟาพร้อมขนมถุงโตคือความสุขสูงสุด คุณไม่จำเป็นต้องเลิกทำ แต่แต่สามารถปรับให้มีความสมดุลยิ่งขึ้นได้ด้วยการ “แบ่ง” ขนมออกมาใส่ชามในปริมาณพอดีแทนการกินจากถุงใหญ่ และลอง “บวก” หรือจับคู่ความอร่อยใหม่ ๆ เช่น หากเพลินกับขนมกรุบกรอบรสเค็ม ลองดื่มน้ำเปล่าตามเพื่อช่วยขับโซเดียม หรือถ้าเป็นสายหวานที่กำลังฟินกับไอศกรีม ลองเติมผลไม้ตระกูลเบอร์รีลงไปเพื่อเพิ่มสารอาหาร และถ้ารู้ล่วงหน้าว่าเย็นนี้มีนัดปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ก็อย่าลืม “แพลน” ให้มื้อกลางวันเป็นเมนูเบา ๆ เพื่อบาลานซ์แคลอรีให้ทั้งวันเป็นของเราอย่างสบายใจ
แนวคิด “กินได้ กินดี” ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการ อาทิ ดร. แพทย์หญิงสุธี สฤษฎิ์ศิริ ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ที่มองว่านี่คือแนวทางที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง “แนวคิดการกินอยู่อย่างสมดุลเป็นแนวคิดที่แก้โจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้จริง ส่งผลต่อการลดโอกาสในการเกิดโรค NCDs ได้อย่างยั่งยืน”
ขณะเดียวกัน รศ. ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ก็ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญในเชิงหลักการว่า “การสร้างความเข้าใจในแนวทางการกินอยู่อย่างสมดุล หรือ Balanced Diet จึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน” การที่ทุกภาคส่วนเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ เป็นเหมือนการยืนยันว่าเรากำลังเดินมาถูกทางแล้วบนเส้นทางสู่สุขภาพที่ดีของคนไทย
การเดินทางสู่สุขภาพที่ดีและยั่งยืน ไม่ใช่การวิ่งแข่งที่ต้องเข้าเส้นชัยให้เร็วที่สุด แต่คือการเดินเล่นที่เราสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางได้อย่างมีความสุข เริ่มต้นได้ง่าย ๆ จาก "คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่" ในแต่ละวัน ด้วยการปรับเปลี่ยนทีละน้อยอย่างเข้าใจ
เนสท์เล่มุ่งมั่นที่จะเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง สนับสนุนให้คนไทยทุกคน “กินได้ กินดี” ค้นพบสมดุลที่ลงตัวในแบบฉบับของตัวเอง และมีความสุขกับทุกคำที่กินได้อย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดแล้ว สุขภาพที่ดีที่สุด ก็คือสุขภาพที่มาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและหัวใจที่เปี่ยมสุขนั่นเอง