เหตุใดเอเชียจึงต้องเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศทางมหาสมุทร

โดย ยูมิ ซอน เจ้าหน้าที่อาวุโสผู้ดูแลโครงการด้านชายฝั่งและทะเล สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ประจำเอเชีย (บทความนี้เขียนขึ้นในฐานะผู้รับทุนของ The Rockefeller Foundation Big Bets Fellow)

ลองหลับตาเพียงชั่วขณะ แล้วจินตนาการว่าคุณและลูกกำลังยืนอยู่ริมทะเลในอีก 20 ปีข้างหน้าจากนี้ คุณมองเห็นภาพแบบไหน

ชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและความหวัง หรือเกลียวคลื่นที่เต็มไปด้วยพลาสติก ความเงียบงัน และการสูญเสีย

แม้ว่ามหาสมุทรจะครอบคลุมพื้นที่กว่า 70% ของโลก และดูดซับก๊าซคาร์บอนได้เกือบหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซทั่วโลก แต่มหาสมุทรกลับได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณสำหรับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นจำนวนน้อยอย่างน่าตกใจ ข้อมูลจากคณะทำงานระดับสูงด้านเศรษฐกิจมหาสมุทรเพื่อความยั่งยืนระบุว่าเงินทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถูกจัดสรรให้กับวิธีแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรไม่ถึง 2% ในขณะที่เงินทุนจากภาคการกุศลที่สนับสนุนมหาสมุทรก็มีไม่ถึง 1% ระบบนิเวศที่ช่วยรองรับผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ดีที่สุดอย่างป่าชายเลน หญ้าทะเล และพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง กลับเป็นระบบนิเวศที่ถูกละเลยมากที่สุด

ความไม่สอดคล้องนี้ไม่ใช่เพียงการมองข้ามด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น

แต่ยังเป็นการสูญเสียโอกาสในการสร้างความยืดหยุ่น ความเท่าเทียม และความรุ่งเรือง ให้กับพื้นที่แนวหน้าที่เผชิญกับวิกฤติภูมิอากาศ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่สุด

สำหรับดิฉัน มหาสมุทรคือความสงบทางใจเสมอมา การเติบโตขึ้นใกล้ทะเลที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ทำให้ดิฉันได้ค้นพบความสงบนิ่งและความชัดเจนจากจังหวะของเกลียวคลื่น แม้ปัจจุบันดิฉันจะอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ดิฉันยังคงโหยหาการเดินเล่นริมชายหาดกับพี่สาว มองดูเด็ก ๆ วิ่งไล่ตามเกลียวคลื่น และครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นในยามบ่ายแก่ ๆ แต่มหาสมุทรที่ครั้งหนึ่งเคยมอบชีวิตให้กับเรา วันนี้กลับกลายเป็นภัยที่คุกคามชีวิตเราเสียเอง

ความท้าทายที่มหาสมุทรเผชิญมีมากกว่าปัญหาพลาสติก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น เปลี่ยนทิศทางกระแสน้ำ และรบกวนระบบนิเวศทางทะเลทั้งหมด ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูง ภาวะความเป็นกรดของมหาสมุทร และเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดถี่ขึ้น กำลังคุกคามชุมชนชายฝั่งและสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาพึ่งพิง ในขณะเดียวกัน มลพิษทางทะเล ตั้งแต่น้ำเสียที่ไม่ได้รับการบำบัดไปจนถึงการไหลบ่าของสารเคมี ยังคงทำลายคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง แหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญ เช่น แนวปะการัง ป่าชายเลน และทุ่งหญ้าทะเล กำลังสูญสลายไปในอัตราที่น่าตกใจ ขณะเดียวกันการทำประมงเกินขนาดก็กำลังผลักดันให้สิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งเป็นการทำลายความมั่นคงทางอาหารและวิถีชีวิตทั่วทั้งภูมิภาค

ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลกำลังลดลง ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาวะของมหาสมุทรและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์

ทุกวันนี้ เราไม่ได้เพียงถูกรายล้อมไปด้วยพลาสติก แต่เรากำลังเผลอกลืนกินมันเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ภายใต้การสนับสนุนของ WWF ประเมินว่ามนุษย์บริโภคไมโครพลาสติกมากถึง 5 กรัมต่อสัปดาห์ เทียบเท่ากับบัตรเครดิตหนึ่งใบ ผ่านการบริโภคน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติก เกลือทะเล และอาหารทะเล ซึ่งมีการตรวจพบอนุภาคไมโครพลาสติกทั้งในปอด เลือด รก หรือแม้กระทั่งน้ำนมแม่ ซึ่งหมายความว่าไมโครพลาสติกสามารถถูกถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ตั้งแต่ทารกยังไม่คลอด นี่ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาของมนุษย์โดยตรง

กรณีศึกษาในประเทศไทย: การเสริมสร้างการอนุรักษ์ชายฝั่งผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน

บริเวณหาดเจ้าไหม เกาะลิบง จังหวัดตรัง ประเทศไทย สหภาพนานาชาติว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) สำนักงานใหญ่ ร่วมกับ IUCN ประเทศไทย ได้เป็นผู้นำโครงการ SEA Success (พ.ศ. 2564 – 2567) โดยได้รับทุนสนับสนุนจากองค์การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลเกาหลี (KOEM) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจาก PANORAMA และ OCTO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPAs) ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เฉพาะด้านและการเรียนรู้ระหว่างเพื่อนร่วมวิชาชีพ โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นเทคนิคการฟื้นฟูหญ้าทะเล แก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงลึก การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านเทคนิค และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นถิ่นอาศัยของพะยูนมากกว่า 150 ตัว การฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลจึงมีส่วนสำคัญต่อการอนุรักษ์สัตว์ทะเลที่เปราะบางชนิดนี้ด้วย

โครงการยังได้อาศัยข้อมูลเชิงบริบทจากกรมอุทยานแห่งชาติ (DNP) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (DMCR) ของประเทศไทย เพื่อเสริมแนวทางที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนและท้องถิ่นเป็นหลัก ความพยายามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของการอนุรักษ์ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันที่ตรงเป้า และแพลตฟอร์มองค์ความรู้ระดับโลก อันสามารถสร้างแนวทางแก้ไขที่ขยายผลได้จริง มีประสิทธิภาพด้านต้นทุน และช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนของความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลควบคู่กับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชายฝั่ง

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อการอนุรักษ์มหาสมุทรถูกขับเคลื่อนโดยท้องถิ่นและมีการร่วมมือกันจากหลายภาคส่วนจะสร้างคุณประโยชน์ได้ถึงสามประการร่วมกัน ได้แก่ การบรรเทาผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ การคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผลกระทบเชิงบวกนี้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การดำเนินการและความร่วมมือเหล่านี้ควรถูกพิจารณาเพื่อบูรณาการให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบหลัก ไม่ใช่เป็นเพียงโครงการตัวอย่างหรือโครงการนำร่องเท่านั้น

คำเรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติ

การต่อยอดโมเดลที่ประสบผลสำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยทั้งนโยบายและการลงทุนควบคู่กัน

  • ภาครัฐ ควรบรรจุการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเลให้อยู่ในนโยบายระดับชาติและแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ (Nationally Determined Contributions) เช่น เรื่องระบบนิเวศคาร์บอนสีน้ำเงิน (Blue Carbon)
  • ผู้ให้ทุนและนักลงทุน ควรตระหนักว่าป่าชายเลนเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อการวางกลยุทธ์และโครงสร้างพื้นฐานในการสร้างความยืดหยุ่นของสภาพภูมิอากาศ และควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนตามความสำคัญนั้น
  • ผู้นำท้องถิ่น รวมถึงสตรีและเยาวชน ควรได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือและได้รับการยอมรับในฐานะผู้สร้างสรรค์ร่วม นอกเหนือจากการเป็นเพียงผู้รับผลประโยชน์

ในภูมิภาคอย่างอ่าวเบงกอล การร่วมมืออย่างเข้มแข็ง ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการร่วมกันดูแลทรัพยากร สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อระบบนิเวศได้

เส้นทางเบื้องหน้านั้นชัดเจน เราจำเป็นต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงจาก โครงการนำร่องไปสู่นโยบาย จาก โครงการเฉพาะกิจไปสู่ระบบที่ยั่งยืน

เพราะมหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สัตว์ทะเล แต่หมายถึงแหล่งอาหาร สุขภาพ อัตลักษณ์ และอนาคตที่ดีกว่าของพวกเราทุกคน

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า การอยู่ใกล้แหล่งน้ำจะช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด และเสริมสร้างความผูกพันได้ โดยปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Blue Mind Effect

ในหลายชุมชนชายฝั่ง มหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์หมายถึงอาหาร อาชีพ และความสงบทางใจ

ในครั้งหน้าที่คุณเฝ้ามองดวงอาทิตย์ลาลับเส้นขอบฟ้าเหนือมหาสมุทร ดิฉันหวังว่าคุณจะจดจำสิ่งนี้ไว้ ว่าเรื่องราวของมหาสมุทร ก็คือเรื่องราวของทุกคน

เมื่อเราดูแลท้องทะเล เราไม่ได้เพียงปกป้องปลา หรือป่าชายเลน แต่เรากำลังลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิต ทั้งของตัวเราเอง รวมถึงคนรุ่นหลังอีกด้วย

ความเห็นที่แสดงเป็นความเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้สะท้อนถึงนโยบายอย่างเป็นทางการของ IUCN

เอกสารอ้างอิง

1. University of Newcastle & WWF. No Plastic in Nature: Assessing Plastic Ingestion from Nature to People. 2019. https://www.newcastle.edu.au/newsroom/featured/plastic-ingestion-by-people-could-be-equating-to-a-credit-card-a-week 

2. High-Level Panel for a Sustainable Ocean Economy. Ocean Solutions that Benefit People, Nature and the Economy. https://oceanpanel.org/wp-content/uploads/2022/06/executive-summary-ocean-solutions-report-eng.pdf 

3. PANORAMA – Solutions for a Healthy Planet. “Ecotourism in Hat Chao Mai - Ko Libong seascape: How it benefits people and nature.” https://panorama.solutions/en/solution/ecotourism-hat-chao-mai-ko-libong-seascape-how-it-benefits-people-and-nature 

4. Nichols, W. J. (2014). Blue mind: The surprising science that shows how being near, in, on, or under water can make you happier, healthier, more connected, and better at what you do. Little, Brown Spark.