คนหาเห็ดโดน "งูกะปะ" กัดเป็นรายที่ 5 ในห้วงสัปดาห์ ส่วนใหญ่ระมัดระวังแต่ไม่กลัว ยังมุ่งมั่นเข้าไปหาเห็ดในป่าเพราะรายได้ดีวันละ 1,000-2,000 บาท


วันที่ 8 ก.ย. 68 เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัวนางเกษร อายุ 47 ปี ชาว ต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พร้อมซากงูกะปะ ส่งโรงพยาบาลนางรอง อ.นางรอง หลังไปค้นหาเห็ดแล้วถูกงูกัดเป็นรายที่ 5 ในห้วง 7 วัน และยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีคนถูกงูกัดอีกหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ยังมุ่งมั่นที่จะเข้าไปเก็บเห็ดอีกเพราะถือว่ามีรายได้ดีวันละ 1,000-2,000 บาท


นางเกษร เล่าว่า ช่วงเช้ามืดตนไปหาเก็บเห็ด ที่เขาบ้านโคกสง่า ต.หนองไทร เพื่อนำไปขาย ขณะที่กำลังสาละวนก้มเก็บเห็ดได้ประมาณครึ่งตะกร้า จู่ๆ มีงูไม่รู้ว่ามาจากไหน ฉกบริเวณข้อมือขวา ทั้งๆที่ตนก็มองแล้วตรงนั้นไม่มีใบไม้รก เป็นที่โล่ง จากนั้นได้เอาไม้ตีงูตัวดังกล่าวเอาใส่ถุงพลาสติก แล้วรีบขี่รถจักรยานยนต์ มายังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหนองไทร และถูกส่งต่อมายังโรงพยาบาลนางรอง

...

นางเกษร ยอมรับว่าช่วงหาเห็ดตนเองระมัดระวังตลอด เพราะเมื่อวานทราบข่าวมีชาวบ้านหาเห็ดถูกงูกะปะกัด ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนางรอง แต่ไม่คิดว่าตนเองจะโดนงูกัดด้วย

ด้านนางแฉล้ม อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่ถูกงูกะปะกัดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะไปหาเห็ด โดยแพทย์ได้ให้พักฟื้นเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาล ได้เดินมาทักทายนางเกษร สอบถามอาการและเล่าเรื่องงูกะปะที่ตนเองโดนกัด ซึ่งนางเกษร ก็บอกว่าเมื่อวานก็ดูข่าวนางแฉล้ม ที่ถูกงูกัดก็คุยกันกับชาวบ้านให้ระมัดระวังเวลาออกไปเก็บเห็ด ซึ่งต่อไปนี้เวลาออกหาเก็บเห็ดอาจต้องใส่เสื้อแขนยาว หรือสวมถุงมือยาวเพื่อป้องกันอันตรายจากงู


ด้านแพทย์หญิง พิไลพรรณ เรืองโชติเสถียร แพทย์โรงพยาบาลนางรอง กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นฤดูฝนทำให้มีเห็ดหลายๆ ชนิดออกดอกเยอะตามป่า ประกอบกับชาวบ้านมักชอบไปหาเก็บเห็ด เพื่อนำไปขายหรือประกอบอาหาร ถ้าเกิดถูกงูกัด อันดับแรกขอให้ตั้งสติแล้วใช้เชือกรัดเหนือบาดแผลที่ถูกงูกัด ห้ามใช้ปากดูดพิษงูเองเป็นอันขาด ถ้ามีซากงูมาได้ด้วยยิ่งดีเพราะแพทย์จะได้ทราบชนิดงูที่กัด ซึ่งสามารถทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว แล้วรีบมาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยเฉพาะช่วงนี้มีชาวบ้านที่ไปหาเห็ดถูกงูกะปะมารักษาที่โรงพยาบาลนางรอง แล้วถึง 3 ราย โดยงูกะปะจะเป็นงูที่มีพิษต่อระบบเลือด.


(ติดตาม ข่าวทั่วไทย ทั้งหมดที่นี่)