เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุ "รถกระบะส่งของ" ระเบิดสนั่นราชบุรี รถพังยับกว่า 10 คัน บ้านเสียหาย 5 หลังคาเรือน ด้านเจ้าของพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด
จากกรณี เกิดเหตุไฟไหม้รถกระบะ ก่อนจะระเบิดส่งผลให้มีรถของชาวบ้านรวมทั้งบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายจำนวนมาก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นชาย 2 ราย จนท.ดับเพลิงและจนท.มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ใช้เวลาดับเพลิงกว่า 10 นาที เพลิงจึงสงบ ที่บริเวณสี่แยกเขางู (แยกนิสสัน) ถนนเพชรเกษม ขาเข้าตัวเมืองราชบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี หน้าโกดังเก็บสินค้า เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น จนท.ดับเพลิงและจนท.มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ใช้เวลาดับเพลิงกว่า 10 นาที เพลิงจึงสงบ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมา นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีมีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์จนทำให้รถนั้นระเบิด โดยที่เกิดเหตุพบเศษชิ้นส่วนของรถ น้ำยาล้างเล็บ เครื่องสำอาง เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด และอุปกรณ์ตกปลา กระจายเต็มพื้นถนน และยังพบเปลือกของพลุระเบิดไล่นกระเบิดแล้วจำนวนหนึ่ง
ส่วนบ้านเรือนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย 5 หลังคาเรือน รถยนต์เสียหาย 11 คัน เป็นรถประชาชนใกล้เคียง 5 คัน และรถของบริษัทรับส่งเอง 6 คัน ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นายสรศักดิ์ อายุ 39 ปี คนขับรถคันที่เกิดเหตุ และ นายสยามรัฐ อายุ 37 ปี เจ้าของบริษัทที่รับจ้างส่งของ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว
จากการสอบถาม พ.ต.ท.เจริญญา ปุริโส สารวัตร สภ.เมืองราชบุรี เจ้าของคดี เผยว่า ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และ พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ให้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดพร้อม จนท.พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ราชบุรี โดยจากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุเพิ่งกลับมาจาก จ.สุพรรณบุรี โดยไปรับสิ่งของมา ซึ่งมีทั้งน้ำยาล้างเล็บ เครื่องสำอาง เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด อุปกรณ์ตกปลา และพลุไล่นกจำนวน 1 ลัง ส่วนสาเหตุที่รถเกิดเพลิงไหม้ต้องรอผลตรวจจากพิสูจน์หลักฐานอย่างแน่ชัด
...
ส่วนเหตุระเบิด คาดว่ารถได้เกิดเพลิงไหม้และลุกลามไปติดพลุไล่นก ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นรถตู้ทึบ และมีของใช้ประเภทยาทาเล็บ ทำให้มีแรงอัดรุนแรงคล้ายระเบิด ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบเศษชิ้นส่วนระเบิด พบเพียงเศษชิ้นส่วนของพลุไล่นก และพลุไล่นกก็ไม่ใช่ของบริษัทขายส่งสินค้าเบ็ดเตล็ด เพราะได้มีการตรวจสอบภายในบริษัทขายส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดแล้วไม่พบสินค้าดังกล่าว แต่คนขับรถได้รับฝาก ซึ่งจะต้องเรียกตัวคนขับมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบพบเป็นพลุไล่นกไม่ใช่วัตถุระเบิดตามที่ประชาชนหวาดกลัวตื่นตระหนก
ขณะที่ นางสุดาคาร หรือ คุณจิ๋ม อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านที่ได้รับความเสียหาย เล่าว่า ตอนที่เกิดเหตุได้ยินเสียงดังมาก และกระจกหน้าต่างบ้านแตก รถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน รวมถึงเครื่องใช้และไวน์ที่เธอสะสมไว้แตกไปหลายขวด ซึ่งร้านดังกล่าวเปิดขายสินค้าเบ็ดเตล็ดทุกอย่าง แต่ไม่มีพลุหรือดอกไม้ไฟขาย ส่วนรถคันเกิดเหตุเป็นรถส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดไปตามจังหวัดต่างๆ โดยเบื้องต้นหลังเกิดเหตุได้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และจนท.ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเยียวยาใดๆ เพราะต้องรอตรวจสอบความเสียหายก่อน
ทางด้าน น.ส.เรณู สิงห์ทอง อายุ 58 ปี เจ้าของบริษัทขายส่งสินค้าเบ็ดเตล็ด พร้อมทนายความ เผยว่า ช่วงเกิดเหตุรถคันดังกล่าวเกิดมีกลุ่มควันคล้ายไฟไหม้ ทำให้คนงานพยายามเข้าไปดับไฟ ต่อมาได้มีเสียงคล้ายระเบิดเสียงดังเกิดขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเป็นพลุเพราะที่ร้านไม่มีการจำหน่ายพลุหรือดอกไม้ไฟ ยืนยันว่าไม่ใช่ระเบิด ส่วนที่มาของพลุนั้นก็ไม่ทราบว่าพนักงานนำมาจากไหน โดยเบื้องต้นในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการ ได้ลงพื้นที่เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดภายในโกดัง ก็ไม่พบว่ามีการจำหน่ายหรือมีสต๊อกพลุหรือดอกไม้ไฟแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เบื้องต้นยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับเพื่อนบ้านที่ได้รับความเสียหายทุกหลังคาเรือน ในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ส่วนพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยทั้ง 2 คน ได้รักษาตัวเรียบร้อยแล้วและขอยืนยันว่าทางบริษัทไม่ได้มีการจำหน่ายสินค้าประเภทพลุหรือดอกไม้ไฟ และพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย.