"ปู่น้องน้ำโขง" ไม่เห็นด้วยหากเปิดด่าน วอนรัฐบาลเห็นใจคนไทย มากกว่าประเทศอื่น

"ปู่น้องน้ำโขง" และชาวบ้านโจรก ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลง "เปิดด่าน" วอนผู้มีอำนาจเห็นใจคนอยู่ชายแดน ยันทำไร่หากินได้ ไม่มีผลกระทบ ส่วนใหญ่เป็นพวก "แม่ค้ากัมพูชา" ที่เดือดร้อน แนะสร้างรั้วกั้นตัดขาด ปชช. พร้อมสนับสนุน

จากกรณี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงการผ่อนปรนเปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำว่าเป็นเพียงการผ่อนปรนด้านการขนส่งสินค้า ไม่ใช่การผ่อนปรนบุคคล โดยรถขนส่งไม่ได้เปิดเสรี แต่มีการจำกัดจำนวนเที่ยว เช่นเดียวกับที่ผ่านมา หากสังคมยังไม่ยอมรับ อาจพิจารณาผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2–3 เที่ยวต่อวัน แต่หากมีเสียงสนับสนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจขยายเป็น 20–30 เที่ยวต่อวัน ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า ต้นเหตุของการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากประเทศไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สาม แจ้งมาว่าไทย-กัมพูชา มีความขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย นั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันที่ 12 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พบกับ นายสุที บุญแต่ง ปู่น้องน้ำโขง หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชาตกใส่บ้าน พร้อมกับชาวบ้านโจรก ที่กำลังนั่งพูดคุยถึงเรื่องจะมีการเปิดด่านชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยแต่ละคนได้พูดว่าเสียใจมาก ไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน ซึ่งอยากวอนรัฐบาลชุดนี้ให้คิดทบทวน และเห็นใจชาวบ้านที่อยู่ติดชายแดน โดยอยากให้ทำกำแพงปิดไม่ต้องเห็นกันเลย ซึ่งถ้าบอกประชาชน ประชาชนก็พร้อมที่จะช่วยกันบริจาค 100-200 บาท เพื่อทำกำแพงปิดไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย

โดย นายสุที บุญแต่ง ปู่น้องน้ำโขง กล่าวว่า ตนในฐานะผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน ไม่เอา และไม่ต้องการให้เปิด แม้จะไม่มีกิน หรืออดอยากเราก็ไม่เคยได้ประโยชน์อะไรจากฝั่งกัมพูชา มีแต่ทางเขาที่จะมากอบโกย มาเอาอาหารการกินไปจากประเทศไทย พออิ่มหนำสำราญก็กลับมาแว้งกัดประเทศไทย

ตนเห็นควรปิดตายได้ยิ่งดีและควรปิดทุกด่าน ตนจึงอยากวิงวอนไปยังรัฐบาลชุดใหม่นี้ ช่วยเห็นใจคนอยู่ชายแดนและคนในประเทศไทย ก่อนที่จะเห็นใจคนประเทศอื่น ตนนั้นไม่เคยมีคำว่าไว้ใจกับประเทศกัมพูชา เพราะการกระทำและคำพูดระหว่างโต๊ะเจรจามันสวนทางกัน มีแต่ฝั่งไทยเราที่ปฏิบัติตามข้อตกลง สำหรับคนที่อยู่ติดแนวชายแดนจริงๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน เพราะชาวบ้านก็ทำไร่ทำนาหากินตามประสาของเราได้อยู่แล้ว แต่อาจจะมีผลกระทบกับคนที่ร่ำรวย และคนที่มีอำนาจคงได้รับผลกระทบแน่นอน คนรากหญ้าไม่ได้มีผลกระทบ

ตนอยากฝากถึงรัฐบาลให้เห็นใจคนประเทศไทยก่อนคนประเทศอื่น และก่อนจะเอื้อเฟื้อให้ประเทศที่ 3 หรือ 4 ควรจะเอื้อเฟื้อและเห็นใจคนในประเทศไทยก่อน อยากให้หันมามองคนในประเทศไทย น้ำตายังไม่เหือดแห้งเลย ก็จะเปิดด่านอีกครั้งแล้ว  โปรดเห็นใจพวกเราที่ได้รับผลกระทบ ว่าเจ็บช้ำขนาดไหน เป็นตราบาปในใจในเหตุที่เราไม่ได้ก่อ 

นายสุที ยังกล่าวต่ออีกว่า ตนอยากฝากไปยังผู้นำกัมพูชานายฮุนเซน และฮุนมาเนต ให้แสดงความรับผิดชอบ มาเยียวยาตนและครอบครัวด้วย เพราะครอบครัวตนเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ให้เห็นแก่ชีวิต มากกว่าเห็นแก่รายได้

ด้าน นางสาว การวี เชิดดี อายุ 57 ปี ชาวบ้านทึ่อยู่ติดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเพียง 5 กม. กล่าวว่า ตนนั้นรู้สึกเสียใจไม่อยากให้เปิดด่าน เพราะชาวกัมพูชาทำไม่ดีกับคนไทย ทั้งใช้คำไม่สุภาพหยาบคายด่าคนไทย ซึ่งจริงๆชายแดนก็ไม่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนสักเท่าไหร่ ประชาชนคนไทยกินอยู่อย่างไรก็ได้ ตนอยากให้มีการปะทะยิงกันให้จบไปอีกสักครั้ง เพื่อให้หมดปัญหา คนไทยไม่ได้เดือดร้อน คนที่เดือดร้อนคือฝั่งคนกัมพูชา

 ให้นึกถึงตอนที่ชาวกัมพูชาทำกับคนไทยสูญเสียทั้งชีวิต และอวัยวะ และทรัพย์สิน กัมพูชาไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย คำพูดของชาวกัมพูชาเชื่อถือไม่ได้ ไม่เคยรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ตนนั้นไม่เคยเชื่อใจกัมพูชาเลย ทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดระแวง แม้กระทั่งกะละมังหล่นตนยังตกใจ ฟ้าร้องยังขวัญเสีย คิดว่าเป็นเสียงจรวดตกลงบ้าน ทุกวันนี้อยู่ด้วยความผวา ตนอยากให้ประเทศไทยก่อสร้างรั้วปิดกั้นตัดขาดกันไปเลย พร้อมสนับสนุนทุนก่อสร้างรั้วตามแนวชายแดน และตนก็มั่นใจว่าประชาชนคนไทยทุกคนก็พร้อมที่จะให้ความสนับสนุน

ขณะที่ นายมานพ สมัครสมาน อายุ 52 ปี ชาวบ้านบ้านโจรก อ.กาบเชิง กล่าวว่า  ตนมีความคิดเห็นว่าอยากให้ทางรัฐบาลตั้งกติกาพูดคุยกับฝั่งกัมพูชาให้เรียบร้อยก่อน โดยให้ฝั่งกัมพูชาถอนกำลังไปทั้งหมด ไม่ให้ฝั่งไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อยากให้ไทยได้เปรียบบ้าง เพราะที่มองๆ ดูเหมือนไทยเสียเปรียบกัมพูชาอยู่เสมอ ที่ว่าด่านชายแดนมีผลกระทบ ส่วนมากตนก็จะเห็นเป็นพ่อค้าแม่ค้าฝั่งกัมพูชาซะมากกว่า จำนวน 90% ที่เดือดร้อน ประชาชนคนไทยนั้นไม่ได้เดือดร้อนอะไร

 ส่วนตัวตนคิดว่าเร็วเกินไป สำหรับการเปิดด่าน อยากให้ฝั่งกัมพูชาถอนกำลังให้ชัดเจนก่อน น่าจะใช้ระยะเวลาสักระยะก่อน การค้าขายตามแนวชายแดน ก็เห็นมีแต่กัมพูชาเข้ามาครอบครอง คนไทยมีส่วนน้อย มีแต่กัมพูชามาข่มเหง ตนจึงอยากฝากถึงรัฐบาลให้ชะลอการเปิดด่านนี้ออกไป ทบทวนและตั้งกติกาให้ชัดเจน อย่าให้กัมพูชาเอาเปรียบไทย ให้ไทยยอมกัมพูชาทุกอย่างก็ไม่ไหว.