รมว.อว. ร่วมสัมมนา "นวัตกรรมวิจัยแบบ New Normal" ชี้งานวิจัยไทยควรเริ่มจากแนวคิดบวก ผ่านการตกผลึก และเป็นเชิงคุณภาพต่อยอดได้ ด้านอธิการบดีฯ เผย มกธ.มีนโยบายสนับสนุนงานวิจัย ป.โท-เอก ที่สามารถนำไปสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาตนเอง เป็นที่พึ่งของชุมชนและท้องถิ่น โดยเฉพาะยุคนิวนอร์มอล
ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการ รมว.อว.บรรยายพิเศษ โครงการสัมมนาวิชาการเรื่อง "นวัตกรรมวิจัยแบบ New Normal" จัดโดย นักศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจ และคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
รมว.อว. กล่าวในตอนหนึ่งของการบรรยายว่า งานวิจัยควรจะเริ่มจากแนวคิดเชิงบวก และมีการตกผลึก หลังจากการเก็บข้อมูล และสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอให้น่าสนใจ แบบได้ใจความ ไม่จำเป็นต้องยาวมาก ซึ่งที่ผ่านมาพบว่างานวิจัยหลายชิ้นมีการเก็บข้อมูล และสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด ซึ่งบุคคลเหล่านั้น เป็นบุคคลสำคัญ แต่ในที่สุดไม่ได้นำเสนอ จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก อีกทั้งงานวิจัย ต้องใช้ทักษะในการเขียน และการนำเสนอด้วย จึงอยากให้ผู้ทำวิจัยคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เป็นแนวทาง เพื่อให้งานวิจัยที่ได้ สามารถนำไปต่อยอดในการพัฒนา และทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมต่อไปได้
...
ด้าน รศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี (มกธ.) กล่าวว่า คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนคิดบวก แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ เช่น ในช่วงโควิด-19 ถ้าเรามองในมุมบวกคือ เป็นช่วงที่สามารถค้นคว้า วิจัยในหัวข้อที่น่าสนใจ เพื่อนำไปป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่อไปได้ ซึ่ง มกธ.มีคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สุขภาพ ซึ่งหลังจากนี้น่าจะมีงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ทางด้านสุขภาพ ในยุค New Normal ต่อไป
"มกธ.มีนโยบาย และแนวคิดในการสนับสนุนการทำงานวิจัยของนักศึกษาป.โท และ ป.เอก ที่สามารถนำไปเพิ่มมูลค่าในการสร้างประโยชน์ สร้างรายได้ให้กับธุรกิจของผู้วิจัยเอง รวมทั้งสามารถนำไปใช้ได้จริงในการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชุมชน ที่สำคัญคือสามารถนำไปพัฒนาท้องถิ่น และประเทศชาติต่อไป" รศ.ดร.บังอร กล่าว.