สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ขับเคลื่อนแผนสนับสนุนนโยบายรัฐ นำขุมเหมืองช่วยจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง ยกระดับใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ร่วมกันสร้างมูลค่าแหล่งน้ำจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายชนะ ภูมี ในฐานะนายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) กล่าวว่า ความท้าทายการบริหารจัดการน้ำยังคงอยู่ทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันทุกภาคส่วนอยู่ท่ามกลางความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น ดังนั้น น้ำจึงเป็นวาระสำคัญและโจทย์ใหญ่ของประเทศที่ต้องร่วมมือกันลงมือทำ ทั้งการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าจากการใช้ทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ตลอดจนความจำเป็นในการวางแผนจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรอบด้าน เพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การอุปโภคบริโภคและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ยกโมเดลสระบุรีแซนด์บ็อกซ์สู่การลงมือทำน้ำมั่นคง น้ำยั่งยืน โดยการบริหารจัดการน้ำทำได้หลายแนวทาง เช่น สร้างพื้นที่ป่า เพื่อพักเก็บน้ำตามธรรมชาติ รวมไปถึงการจัดหาพื้นที่ขนาดเล็กให้เป็นแหล่งพักน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ในชุมชนและการเกษตร ซึ่งการพัฒนาความร่วมมือการทำงานเชิงพื้นที่ (Area Based) ในรูปแบบเดียวกันนี้ TCMA ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ด้านการจัดการน้ำในพื้นที่ออกมา
ให้เห็นกันแล้ว นอกจากนั้น ยังมีการนำขุมเหมืองของบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ที่เป็นสมาชิก TCMA นำมาปรับใช้ให้เป็นพื้นที่รับน้ำเช่น เหมืองห้วยแร่ จ.สระบุรี เหมืองแร่ดินซีเมนต์ที่สิ้นสุดการทำเหมืองแล้วนำมาปรับใช้เป็นแก้มลิงรับน้ำได้ถึง 6.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยป้องกันน้ำท่วมนาข้าวได้มากกว่า 1,000 ไร่ ในช่วงที่เกิดอุทกภัย หรือเมื่อมีน้ำหลากจากแม่น้ำป่าสัก ซึ่งมวลน้ำปริมาณมากจะนำมาพักกักเก็บไว้ เพื่อลดกระทบจากท่วมน้ำหลากไหลไปสู่จังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนมีการพัฒนาพื้นที่เหมืองปูนซีเมนต์เขาวงโมเดลและแก่งคอยโมเดลใน จ.สระบุรี ให้เป็นต้นแบบการทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการสร้างป่าไว้ทำหน้าที่กักเก็บน้ำตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นจุดเรียนรู้ที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน

...

นายชนะ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา TCMA ยังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐส่งเสริมสมาชิกพัฒนาใช้ประโยชน์ขุมเหมืองมาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน พร้อมใช้ประโยชน์อื่นๆ ตอบสนองความต้องการของชุมชน ครอบคลุมทั้งขุมเหมืองช่วยน้ำท่วมเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ขุมเหมืองช่วยภัยแล้งเป็นบ่อน้ำชุมชน ขุมเหมืองเป็นจุดเรียนรู้สำหรับชุมชน ภาคกลาง จ.ลพบุรี โครงการเขาทับควายเพื่อชุมชน ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง นำขุมเหมืองมาพัฒนาเป็นแหล่งน้ำ การฟื้นฟูเป็นพื้นที่ป่า การพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ นิทรรศการกลางแจ้ง เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และจุดชมทัศนียภาพ รวมถึงสวนสาธารณะ ลานออกกำลังกายเพื่อชุมชนใช้ประโยชน์ ภาคเหนือ จ.ลำปาง โครงการแม่ทานโมเดล และโครงการสิริราชโมเดล เชื่อมโยงนำน้ำในขุมเหมืองมาเพื่อชุมชนใช้ประโยชน์ ผ่านการใช้พลังงานสะอาดจากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนผิวน้ำ (Solar Floating)

สำหรับแม่ทานโมเดลเริ่มต้นการพัฒนาเมื่อปี 2562 จากการที่ 250 ครอบครัวรอบเหมือง ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค และเพื่อทำเกษตรกรรมในฤดูแล้ง จากการเข้าไปดำเนินการ ทำให้ชุมชนบ้านแม่ทาน หมู่ 7 และหมู่ 9 มีน้ำอุปโภคตลอดปี 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และพื้นที่เกษตรกรรม 100 ไร่ ใช้ประโยชน์เพาะปลูกข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง กระเทียม ถั่วลิสง หอม เป็นต้น ส่วนสิริราชโมเดลเป็นโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างยั่งยืน เริ่มต้นเมื่อปี 2567 ชุมชนประมาณ 800 ครัวเรือนในตำบลสันดอนแก้วและใกล้เคียง ได้ใช้ประโยชน์จากน้ำจากขุมเหมือง เพื่อการอุปโภคและทำเกษตรกรรมตลอดปี 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

นายชนะ กล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนด้านการจัดการน้ำไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือ ใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือ ภารกิจของทุกภาคส่วน โดยที่ทุกฝ่ายมองไปที่เป้าหมายเดียวกัน พร้อมลงมือทำร่วมกัน บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นรูปธรรม ขุมเหมืองนับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำเดิมให้กลับมาใช้ประโยชน์ เป็นแหล่งน้ำต้นทุน สร้างความมั่นคงด้านน้ำแก่ชุมชนและภาคการเกษตรได้ นำมาซึ่งผลกระทบเชิงบวกและสร้างรากฐานการพัฒนาที่สำคัญในอนาคต ทั้งการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน