"จตุพร" จี้เพื่อไทยแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาวิกฤติประเทศ ให้ยุติเสนอ "ชัยเกษม" เป็นนายกรัฐมนตรี เตือนพรรคประชาชนอย่าเล่นแง่แอบหนุนเพื่อไทย พร้อมขู่หากไม่ฟังเสียงประชาชน 6 ก.ย. เจอชุมนุมใหญ่ขับไล่ต่อเนื่อง


เวลา 16.00 น. วันที่ 31 ส.ค. 68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่า พวกตนมีจุดยืนที่ชัดเจนก็คือต้องไม่เอาพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงไม่เอาแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะเห็นได้แน่ชัดว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไม่ได้ถูกแก้ไข จนกระทั่งปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จึงเห็นได้แน่ชัดว่า พรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้

พวกตนจึงมองว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อ ปัญหาความไม่สงบระหว่างชายแดนจะไม่จบสิ้น แล้วจะยืดเยื้อเหมือนปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมองว่า พรรคเพื่อไทยควรแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองด้วยการไม่ส่งนายชัยเกษม นิติสิริ ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก

...


อย่างไรก็ตาม พวกตนยืนยันว่า ไม่ได้สนับสนุนให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นจัดตั้งรัฐบาล เพราะตอนนี้ก็ไม่สามารถจะหาสิ่งที่ดีที่สุดได้แล้ว ทุกอย่างต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา ยังมีแคนดิเดตอีกหลายคนที่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เงื่อนไขของกลุ่มผู้ชุมนุมคือ ต้องไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

ส่วนกรณีเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคประชาชนนั้น ตนมองว่า เรื่องการให้รัฐบาลที่จะจัดตั้งหลังจากนี้เป็นรัฐบาลชั่วคราวอยู่เพียงแค่ 4 เดือนก่อนยุบสภานั้น ค่อนข้างเหมาะสมแล้วในสถานการณ์แบบนี้ เพราะถึงอยู่มากกว่านี้ปัญหาของประเทศก็ไม่ถูกแก้ไข อย่างน้อยรัฐบาลชั่วคราว 4 เดือนหากไม่สร้างปัญหาเลวร้ายให้แก่บ้านเมืองก็เพียงพอแล้ว โมเดลรัฐบาลชั่วคราว 4 เดือน อย่างน้อยก็เพื่อมาแก้ปัญหาบ้านเมืองและให้เกิดการยุบสภาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน

แต่ทั้งนี้ตนมองว่า พรรคประชาชนจะนำเงื่อนไขดังกล่าวไปยกมือโหวตใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เป็นเสรีภาพทางการเมืองที่พึงกระทำได้ แต่พวกตนประเมินเอาไว้ 3 ทาง ได้แก่ ทางแรก ถ้าพรรคประชาชนจะไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของม็อบทั้ง 6 ข้อ หนึ่งในนั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ห้ามแตะหมวด 1 และหมวด 2 เด็ดขาด

ทางเลือกที่ 2 คือการจับมือกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมองว่า ทางเลือกดังกล่าวนั้นเป็นทางเลือกที่ไม่เหมาะสม พร้อมเตือนความจำหัวหน้าพรรคประชาชนว่า ไม่ควรจะความจำเสื่อม ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยยอมฉีก MOU จนทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้หลังเลือกตั้งปี 2566 โดยพรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลในภายหลัง ซึ่งถ้าพรรคประชาชนฝืนเลือกทางดังกล่าว ก็จะต้องเจอภาคประชาชนอย่างพวกตนชุมนุมขับไล่อย่างแน่นอน

ยิ่งกระแสข่าวที่บอกว่า พรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยจะร่วมกันผลักดันนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ตนยิ่งมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเนื่องจากเงื่อนไขต้องใช้เสียง ส.ว. หนึ่งในสาม แล้วเสียงกึ่งหนึ่งของทางรัฐสภานั้น จึงมองไม่เห็นทางว่า จะมีเสียง ส.ว. โหวตสนับสนุนแก้รัฐธรรมนูญในช่วงนี้

ทางเลือกสุดท้าย ถ้าพรรคประชาชนเลือกที่จะใช้วิธีการไม่โหวตสนับสนุนขั้วใดขั้วหนึ่งนั้น นั่นจะทำให้พรรคเพื่อไทยรักษาการรัฐบาลต่อไป พวกตนจะถือว่า ทางเลือกดังกล่าวคือการที่พรรคประชาชนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน

ดังนั้น ตนจึงมองว่า พรรคประชาชนต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะจับมือกับใคร แต่ต้องไม่ใช่พรรคเพื่อไทย พรรคใดจะเป็นแกนนำของรัฐบาลก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่พรรคเพื่อไทย แล้วไม่จำเป็นที่พรรคประชาชนจะต้องจับมือกับพรรคภูมิใจไทยอย่างเดียว เพียงแต่ว่าขั้วอำนาจใหญ่ในสภาตอนนี้มีเพียงแค่ฝั่งเพื่อไทยและภูมิใจไทยเท่านั้น

นายจตุพร ยืนยันว่า พวกตนไม่มีธงที่จะต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี การเคลื่อนไหวของกลุ่มไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงอำนาจ แต่เป็นการเคลื่อนไหวภาคประชาชน เพียงแค่ต้องการให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และเน้นย้ำว่า พวกตนไม่สนับสนุนการรัฐประหาร ตอนนี้ประเทศยังไม่ถึงทางตัน ยังสามารถแก้ไขตามวิถีทางรัฐธรรมนูญได้ เว้นแต่ทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ตัวเองมากจนเกินไป แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดเรื่องของนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 5 แห่งรัฐธรรมนูญ เพราะมองว่ายังไม่ถึงจุดนั้น

โดยเชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ถ้าได้คนจากพรรคเพื่อไทยนั้น วันเสาร์ที่ 6 กันยายน กลุ่มพวกตนจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม กลุ่มพวกตนยังไม่มีแนวคิดว่าจะไปชุมนุมที่รัฐสภาในห้วงวันที่ 3-5 กันยายน ซึ่งไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นใคร ต้องไม่ใช่คนจากพรรคเพื่อไทยและต้องปฏิบัติตาม 6 เงื่อนไขของกลุ่มผู้ชุมนุม

...


สำหรับการยุบสภานั้น อย่างที่ทราบกันว่ามีความเห็นของนักวิชาการทางกฎหมาย 2 ฝั่ง มองว่ารัฐบาลรักษาการในขณะนี้ยุบได้หรือยุบไม่ได้ เพียงแต่ว่าในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่เคยมี ตนจึงมองว่า ถ้าทำได้ก็ทำไป แต่อาจจะต้องเผชิญกับเรื่องร้องเรียนที่ตามเข้ามา รวมทั้ง กกต. ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน

นายจตุพร ยังมองอีกว่า วันที่ 9 กันยายนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำสั่งในเรื่องคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้จัดตั้งรัฐบาล เชื่อได้แน่ชัดว่า นายทักษิณจะไม่ไปที่ศาลอย่างแน่นอน

สำหรับ 6 เงื่อนไขของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ประกอบไปด้วย

1. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต้องไม่ใช่บุคคลที่มาจากพรรคเพื่อไทย

2. หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2

3. ต้องยกเลิก MOU 43 และ 44 ที่ลงนามกับกัมพูชา

4. ยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ. ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี

5. ยกเลิกร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่อนุญาตให้มีคาสิโน

6. ยกเลิกร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน

ทั้งนี้ การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จะดำเนินต่อเนื่องไปถึงประมาณ 21.00 โดยหลัง 18.00 เป็นต้นไป จะมีแกนนำคนสำคัญขึ้นปราศรัยบนเวที โดยนายจตุพรจะเป็นคนปราศรัยคนสุดท้ายในช่วงเวลาประมาณ 21.00.