"ปุ้มปุ้ย" เดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 7 รสชาติ ตอกย้ำแนวคิดสะดวก อร่อยและได้มาตรฐาน พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ กลุ่มไม่กินเผ็ด และ Gen Z ส่วนเรื่องกำแพงภาษีทรัมป์ไม่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นางสาวปวิตา โตทับเที่ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ปุ้มปุ้ย กล่าวว่า  ปุ้มปุ้ยผู้นำตลาดปลากระป๋อง อาหารพร้อมทานและพร้อมปรุง เดินหน้าตอกย้ำจุดแข็งในฐานะแบรนด์อันดับ 1 เรื่องเมนูปลาปรุงรสขยายฐานผู้บริโภคสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ครอบคลุมถึงทุกเจนเนอเรชั่น ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มปลาปรุงรส 7 รสชาติ พัฒนามาจากเมนูยอดนิยม เจาะลึกอินไซต์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหาอาหารพร้อมทานที่อร่อย เข้มข้น สะดวกและได้มาตรฐาน โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ โดดเด่นด้วยรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี ผ่านกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้โดยไม่ต้องใช้วัตถุกันเสียและสามารถรับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 7 รสชาติ ที่พร้อมเปลี่ยนมื้อธรรมดาให้กลายเป็นมื้ออร่อย ประกอบด้วย 1. ปลาซาบะเทริยากิ เมนูยอดนิยมที่สามารถทานได้ทุกวัย เหมาะกับคนที่ไม่ทานเผ็ด ปลาซาบะเนื้อนุ่ม เต็มคำ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ราดด้วยซอสเทริยากิแบบต้นตำรับ ใช้เทคนิคการแล่แบบฟิลเลต์ ไร้ก้าง อร่อยเต็มคำ เนื้อนุ่ม ซอสหวานเค็มแบบพอดี เหมือนบินไปกินที่ญี่ปุ่น ขนาด 130 กรัม ราคา 39 บาท 

2. ปลาซาร์ดีนทอดในซอสซัมบัล ด้วยรสชาติความเผ็ดจัดจ้าน เข้มข้นและกลิ่นหอมของพริกแกงแบบมาเลเซียซิกเนเจอร์ กลายเป็นหนึ่งในรสชาติยอดนิยมของกลุ่มปลาปรุงรส ที่เดิมทีวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศมาเลเซียและได้รับเสียงตอบรับดีเกินคาด จนปุ้มปุ้ยต้องยกมาเสิร์ฟถึงไทย พร้อมทำการทดสอบกับกลุ่มผู้บริโภคคนไทย กลายเป็นหนึ่งในรสชาติที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบอาหารรสจัดจ้าน หอมเครื่องเทศแบบถึงเครื่อง ขนาด 165 กรัม ราคา 39 บาท

...

3. ปลาทอดลุยสวนสมุนไพร เมนูปลาที่คุ้นเคยจากร้านอาหาร ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดความอร่อยลงสู่กระป๋อง ด้วยปลาดทอดเนื้อแน่น ชิ้นใหญ่เต็มคำ หอมรสสมุนไพร มีรสเผ็ดหวานเล็กน้อย เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากได้มื้ออาหารมีประโยชน์ และชอบทานเครื่องเทศสมุนไพรอย่างแน่นอน ขนาด 90 กรัม ราคา 35 บาท 

4. ฉู่ฉี่ปลาแมคเคอเรล ต่อยอดเมนูปลาขายดีในร้านอาหาร เอาใจคนรักสุขภาพด้วยการปรับวิธีผลิต จากการทอดสู่การนำปลาไปนึ่ง เพราะการนึ่งจะช่วยน้ำซอสซึมซับรสชาติความอร่อยเข้าสู่เนื้อปลาได้ดีกว่า ประกอบกับเครื่องแกงฉู่ฉี่แบบไทยสูตรเฉพาะของปุ้มปุ้ย รสชาติจัดจ้าน เข้มข้นถึงเนื้อปลา เนื้อนุ่ม กลมกล่อม หอมมัน อร่อยทุกคำ ขนาด 185 กรัม ราคา 35 บาท

5. ไตปลาแห้ง หนึ่งในเมนูที่สะท้อนความเป็นตัวตนของปุ้มปุ้ยได้ชัดเจน เพราะโรงงานผลิตของปุ้มปุ้ยอยู่ที่ จ.ตรัง พื้นที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ เมนูนี้ จึงถูกพัฒนาขึ้นจากสูตรตำรับใต้แท้ๆ เผ็ดจัดจ้านถึงเครื่อง หอมสมุนไพร และพิเศษยิ่งขึ้นด้วยการใส่เม็ดหิมพานต์เพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้เคี้ยวเพลิน กลายเป็นอีกหนึ่งเมนูขายดีที่เพียงแค่เปิดกระป๋องก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสไตล์ใต้ได้ทันที ขนาด 60 กรัม ราคา 25 บาท

6. แจ่วบอง เมนูปลาแมคเคอเรล ยอดนิยมของ ปุ้มปุ้ย ที่มีรสแซ่บ เผ็ด จัดจ้าน ความตั้งใจนั้นเพียงอยากให้คนไทยได้ลองรสชาติแปลกใหม่แต่อร่อยถูกปาก คนไม่เคยทานปลาร้าก็สามารถทานได้ จากความตั้งใจนี้ส่งผลให้ปุ้มปุ้ย ได้รับรางวัล Superior Taste Award จากเวทีโลก การันตีความอร่อยปลากระป๋องไทยสู่ระดับสากล ขนาด 60 กรัม ราคา 25 บาท

7. หอยแครงปรุงรส หนึ่งในเมนูออริจินัลของปุ้มปุ้ยที่เคยวางจำหน่ายเมื่อหลายปีก่อนและได้รับเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ อย่างต่อเนื่องให้นำกลับมาอีกครั้ง จึงหยิบสูตรเดิมมาปรับพัฒนาใหม่ให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น คัดสรรหอยแครงคุณภาพดี ตัวโต เนื้อแน่น หนึบ เคี้ยวเพลิน พร้อมเสิร์ฟในรูปแบบที่สะดวก แค่เปิดกระป๋องก็อร่อยได้ทันที จะทานเล่น หรือจับคู่กับเมนูไหนก็อร่อยครบเครื่อง ขนาด 40 กรัม ราคา 32 บาท

นางสาวปวิตา โตทับเที่ยง กล่าวต่อว่า ในฐานะแบรนด์ปุ้มปุ้ยที่อยู่เคียงข้างคนไทยมากว่า 46 ปี เข้าใจดีว่า ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ ความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตภายใต้เวลาที่จำกัด อาหารกระป๋องจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงของเก็บตุนยามฉุกเฉิน แต่สามารถเป็นมื้ออร่อยที่ทั้งสะดวก มีคุณภาพ ได้คุณประโยชน์ที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ ซึ่งปุ้มปุ้ยยืน 1 เรื่องปลาปรุงรสอยู่แล้ว มองเห็นโอกาสจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่ทั้งอร่อย สะดวก ง่ายและยังคงรสชาติความเป็นไทยจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มปลาปรุงรสทั้งหมด 7 รสชาติ ผ่านการทดลองสูตรกับกลุ่มผู้บริโภคจริง เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากมากที่สุด และยังสามารถเปิดรับประทานได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา ทานคู่กับอะไรก็อร่อย การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ให้ตลาด แต่คือ การส่งต่อรสชาติของความอร่อยในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย และวันนี้ กำลังพูดกับคนรุ่นใหม่ผ่านรสชาติใหม่ที่จัดจ้านถึง 7 สไตล์ ตั้งใจให้ทุกกระป๋องของปุ้มปุ้ย ไม่ใช่แค่มีรสชาติที่ดี แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่คุณภาพวัตถุดิบ ไปจนถึงรสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ทั้งในไทยและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ปุ้มปุ้ยยังได้ดึง เต-ตะวัน วิหครัตน์ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถและขวัญใจคนรุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของผลิตภัณฑ์กลุ่มปลาปรุงรส สะท้อนภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของคนยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ แต่ยังใส่ใจคุณภาพของอาหารที่เลือกกิน เต-ตะวัน ถือเป็นตัวแทนของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่เติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ให้ความสำคัญกับความบาลานซ์ของชีวิตการทำงานและการดูแลตัวเอง สอดคล้องกับเป้าหมายของปุ้มปุ้ยที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม First Jobber, Young Family และ Urban Lifestyle ที่มองหาเมนูที่ทั้งสะดวก อร่อย ได้คุณภาพ และตอบโจทย์เวลาที่จำกัด และยังเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของแบรนด์ในการ รีเฟรชภาพลักษณ์ให้สดใหม่มากขึ้น เป็นส่วนสำคัญในการทำให้แบรนด์สามารถขยายฐานแฟนคลับสู่กลุ่ม Gen Z ได้ชัดเจนมากขึ้น

...

นางสาวปวิตา กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของปุ้มปุ้ยช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่สดใส ด้วยกลยุทธ์การรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ดังเช่นล่าสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งในจำนวนนี้ มีผลิตภัณฑ์รสชาดไม่เผ็ดด้วย และขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Gen Z ขณะที่เรื่องมาตรการกำแพงภาษีทรัมป์นั้น ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้ส่งออกตรงไปยังสหรัฐฯ