ชาวบ้านเขากระโดง รวมตัวถือโฉนดที่ดิน ชี้ได้ที่ดินมาถูกต้องตามกฎหมาย อาศัยอยู่มาก่อน รฟท. ยันพร้อมสู้ “ไม่หนี ไม่ย้าย ไม่ออก” ถามรัฐบาลจะเยียวยาชาวบ้าน 900 กว่าครอบครัวไหวหรือไม่ ด้าน “คนโรงโม่หิน” มองเป็นการเมือง 100% เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี สั่งไล่ที่ทันที


คดีพิพาทที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 50 ปี ได้กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อกระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับดูแลของรักษาการนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย ได้สั่งการให้ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินในพื้นที่พิพาทจำนวนกว่า 5,000 ไร่ (995 แปลง) เพื่อคืนให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยอ้างอิงตามคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุดที่ระบุชัดเจนว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. การตัดสินใจครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงกว้าง (อ่านข่าว : บทสรุปคดีที่ดินเขากระโดง พิสูจน์อำนาจรัฐความชอบธรรม)

ล่าสุด วันที่ 7 ส.ค. 68 มีรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ นัดรวมตัวกันที่โรงเรียนบ้านเขากระโดง (ศิลาทองอุปถัมภ์) เพื่อแสดงออกถึงการคัดค้านการเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดงกว่า 5,083 ไร่ 995 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ภายหลังกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งเพิกถอนพื้นที่ดังกล่าว

...


ทั้งนี้ มีชาวบ้านนำโฉนดที่ออกโดยกรมที่ดิน มาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อยืนยันว่า ที่ดินดังกล่าวได้มาโดยชอบตามกฎหมาย ซึ่งนายจันทร์ ฮาเจริญกุล ชาวบ้านในพื้นที่ อายุ 64 ปี เปิดเผยว่า ตนเองถือครองโฉนดที่ดินตั้งแต่ปี 2513 ซึ่งในเอกสารสิทธิ์มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อได้ยินข่าวการเพิกถอนโฉนดที่ดินก็รู้สึกเสียใจ และอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา และตั้งคำถามว่าจะเพิกถอนได้อย่างไรในเมื่อโฉนดที่ดินดังกล่าวก็ออกโดยกรมที่ดิน พร้อมยอมรับว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาก หากรื้อถอนชาวบ้านจะไปอยู่ที่ไหน เพราะอยู่ที่นี่มานานแล้ว

ส่วนที่มีการเพิกถอนที่ดินนั้น มีเจ้าหน้าที่มาติดต่อพูดคุยบ้างหรือไม่ นายจันทร์ กล่าวว่า ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาติดต่อเลย เราก็ติดตามข่าวอยู่ และเห็นมีแต่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเพียงอย่างเดียว เราก็รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งหากจะเยียวยา รัฐบาลจะมีปัญญาเยียวยาให้ชาวบ้านหรือไม่ เพราะมี 900 กว่าครัวเรือน


นายจันทร์ ยืนยันว่า จะไม่ยินยอมให้เพิกถอนที่ดิน หรือให้เช่าพื้นที่กับ รฟท. เพราะเราอยู่มาก่อน ซึ่งเราจะไม่หนี ไม่ย้าย ไม่ออก หากเขามาขับไล่เราก็จะสู้ อีกทั้งมองว่า ควรจะไปแก้ไขปัญหาประชาชนหรือความขัดแย้งชายแดนให้จบก่อน

ขณะที่ ขนิษฐา คล้ายขำ อายุ 45 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ตั้งคำถามว่า หากเพิกถอน รัฐบาลจะมีที่รองรับหรือไม่ และอยากทราบว่าเหตุใดไม่เพิกถอนตั้งแต่พื้นที่นี้ยังไม่พัฒนา แต่เมื่อชาวบ้านมีการพัฒนามีที่อยู่ที่ทำกินถึงเพิ่งจะมาเอาที่ดินในตอนนี้ จึงอยากรู้ว่ารัฐบาลต้องการอะไร และจะไม่ย้ายไปไหน แม้มีสถานที่ให้ ก็ให้รัฐบาลไปอยู่เอง ซึ่งอยากให้รัฐบาลกลับไปทบทวนเรื่องนี้ให้ดี โดยมองว่า เป็นเรื่องของเกมการเมืองที่กลั่นแกล้งกัน เพราะก่อนหน้านี้เรื่องก็เงียบไป แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวร่วมรัฐบาลเรื่องนี้ก็กลับมาอีก


ด้าน ประทุม อุดมรัตน์ อายุ 63 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเชื่อมั่นว่านายเนวิน ชิดชอบ จะสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้จากเรื่องปัญหาที่ดินเขากระโดง ซึ่งก็ติดตามเห็นว่านายเนวินก็เป็นห่วงประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด และเป็นคนที่พัฒนาบุรีรัมย์มาโดยตลอด จากที่แต่ก่อนเป็นพื้นที่ไม่มีอะไรเลย แต่เมื่อในปี 2555 สนามบอลสร้างเสร็จก็มีปัญหาทันที ทั้งๆ ที่แต่ก่อนก็ไม่มีปัญหา และเชื่อมั่นว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน

...

ด้าน นายกิตติเทพ เจียรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงโม่หินเพชร จำกัด ยังมองว่ากรณีดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง เมื่อไม่มีการอยู่ร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยแล้วก็กลับมาเป็นเรื่อง พออยู่ร่วมรัฐบาลก็เงียบไป และทำให้มีคนเดือดร้อน อย่างเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีพื้นที่ในข้อพิพาทส่วนเดียวไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แต่ประชาชนอย่างตนมีมากที่สุดกว่า 300 ไร่ แบบนี้ก็โดนเต็ม ๆ นี่ยังไม่รวมไปถึงพี่น้องประชาชนคนอื่นอีก

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตั้งแต่อยู่อาศัยมาทราบหรือไม่ว่ามีประเด็นเรื่องของการรถไฟในพื้นที่ดังกล่าว นาย ระบุว่า เรื่องนี้เข้า ๆ ออก ๆ มาตลอด พอมีเรื่องการเมืองเข้ามาก็ถูกโจมตี พอไม่มีเรื่องก็เงียบไป แล้วเชื่อว่ากรณีนี้เป็นเรื่องของการเมือง 100%

"ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ กี่วันนี้สั่งเพิกถอน พอเปลี่ยนรัฐมนตรีแล้วก็เพิกถอนอย่างกระทันหัน ถ้าไม่ใช่การเมืองเราจะจะเป็นอะไร"