เกิดเหตุรถกระบะข้ามเกาะกลางพุ่งชนรถจักรยานยนต์สองผัวเมีย ผัวเสียชีวิตคาที่ ส่วนเมียสาหัส คนขับกระบะเผยถูกรถเก๋งมาชนท้าย ทำรถเสียหลักข้ามเลนไปชน ขณะที่ลูกชายคนตาย เผยพ่อพูดเป็นลาง
วันที่ 3 ก.ย. 68 เมื่อเวลา 17.30 น. ร.ต.อ.นิยม ท่วมไธสง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีรถกระบะชนรถจักรยานยนต์ บนถนน 4 เลน สาย 219 เส้นบุรีรัมย์ - สตึก ตรงข้ามบริษัทคอนกรีต แห่งหนึ่งใน ต.บ้านด่าน ฝั่งขาเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ชีพโรงพยาบาลบ้านด่าน ,กู้ชีพเทศบาลตำบลบ้านด่าน
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน บุรีรัมย์ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ลักษณะข้ามเกาะกลางถนนเข้าไปพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่มาอีกฝั่งหนึ่ง บริเวณท้ายรถกระบะพบศพนายทองสุข วงค์วัน อายุ 60 ปี และใกล้กันยังพบร่างนางสร้อย วงค์วัน อายุ 55 ปี ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านบริษัทคอนกรีต ใกล้กับที่เกิดเหตุ เป็นภรรยาของนายทองสุข ที่นอนหมดสติอยู่ข้างทาง เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาล ก่อนนำส่งโรงพยาบาลบ้านด่าน ก่อนส่งตัวไปยังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เนื่องจากตามร่างกายกระดูกหักหลายท่อน
...
ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน บุรีรัมย์ สภาพพังยับเยิน ชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์แตกหักกระเด็น กระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ
สอบถามนายภานุวัฒน์ อายุ 53 ปี คนขับรถกระบะเล่าว่าตนเองขับรถจะไปดูงานรับเหมาในเขต อ.บ้านด่าน เมื่อมาถึงหน้าโรงงานคอนกรีต มีรถเก๋งพุ่งมาชนท้ายรถของตนก่อน จากนั้นรถกระบะตนเองก็เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชน 2 สามีภรรยาที่ขับรถมาดังกล่าว ส่วนรถเก๋งคู่กรณีได้ขับหลบหนีไปทาง อ.บ้านด่าน
นายสุภรรษา นิลทอง อายุ 46 ปี คนงานบริษัทคอนกรีต ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นนายทองสุข ขับจักรยานยนต์มารับภรรยา ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัท ในช่วงนั้นเห็นกำลังจะยูเทิร์นกลับรถเพื่อที่จะกลับบ้าน จู่ๆตนเองเห็นรถกระบะพุ่งข้ามเกาะกลางถนนชน 2 สามีภรรยาจนร่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง
นายณัฐพงษ์ วงค์วัน อายุ 34 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิตเล่าว่า ช่วงเย็นพ่อสั่งให้ตนเองต้มไก่เป็นอาหารเย็น และข้างบ้านมีงานศพ โดยพ่อได้บอกว่าถ้าหมดเวลาก็จะมีคนมาเอาไป ไม่คิดว่าพ่อจะพูดเป็นลาง
ส่วนทางด้านคดี ทางตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามหารถเก๋งคันต้นเหตุเพื่อนำตัวคนขับมาสอบสวนต่อไป.
เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นี่