“นายกฯ อิ๊งค์” เยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ พร้อมชิมกาแฟขี้อีเห็น พร้อมหนุนคนไทย “กินอาหารนับคาร์บ” ลดป่วย ช่วยรัฐบาลลดงบประมาณในการดูแลสาธารณสุข
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ มีหัวหน้าหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรอรับ โดยนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) บรรยายสรุปผลการดำเนินงานอนุรักษ์ป่าและต้นน้ำ และการพัฒนาในพื้นที่ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
จากนั้นนายกฯ เดินชมนิทรรศการในหลวง ร.9 ที่ทรงพระราชกรณียกิจพัฒนาศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ ด้วยความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ชมและสอบถามชนิดกล้าไม้ที่เตรียมไว้สำหรับปลูกด้วยความสนใจ และเดินชมผลผลิตทางการเกษตร สินค้าแปรรูปจากการพัฒนาเกษตรของศูนย์ฯ ชิมกาแฟขี้อีเห็น พร้อมกล่าวว่ากลับไปรอบนี้กินกาแฟเป็นแน่นอน และรับมอบสบู่ว่านสาวหลง แจกให้คณะที่ติดตาม ก่อนปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 เป็นที่ระลึก ก่อนเดินทางกลับ
...
“รมว.นฤมล” เตรียมพัฒนาศูนย์ห้วยฮ่องไคร้ฯ อย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ
โดย รมว.นฤมล กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมด 8,500 ไร่ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บูรณาการทำงานร่วมกันเป็นหน่วยงานปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ได้สนองงานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยยึดในหลักการที่ว่า “ต้นทางเป็นป่าไม้ ปลายทางเป็นประมง ระหว่างทางเป็นเกษตรกรรม” โดยเริ่มจากการฟื้นฟูป่าไม้จากป่าเต็งรังเป็นป่าเบญจพรรณ จากเดิมในปี 2525 ป่าเต็งรังมีร้อยละ 80 และป่าเบญจพรรณมีร้อยละ 20 หลังจากได้มีการพัฒนาฟื้นฟูป่าตามแนวพระราชดำริ ทำให้พื้นที่ป่ามีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น โดยปัจจุบัน ปี 2567 ป่าเต็งรังมีอัตราที่ลดลงถึงร้อยละ 36 และป่าเบญจพรรณมีอัตราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 64
รมว.นฤมล ยังเปิดเผยถึงผลความสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ว่า ศูนย์ดังกล่าวถือเป็นศูนย์กลางของการศึกษา ทดลอง วิจัย โดยมีผลงานวิจัยที่ประสบผลสำเร็จทั้งสิ้น 267 โครงการ และได้มีการนำผลสำเร็จจัดทำเป็นหลักสูตรฝึกอบรมที่นำไปขยายผลสู่ชาวบ้านทั้งสิ้นจำนวน 32 หลักสูตร โดยในปีงบประมาณ 2567 มีประชาชนที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 1,018 ราย และมีผู้ที่เข้าร่วมศึกษาดูงานจำนวน 21,033 คน ทั้งนี้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ยังได้ผ่านการพิจารณาด้านประสิทธิภาพ คุณภาพและความปลอดภัย โดยได้รับการขึ้นทะเบียนอาหารและเครื่องสำอางตามมาตรฐานเกณฑ์การผลิตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 44 รายการ ได้แก่ รายการเวชภัณฑ์ 8 รายการ อาหาร 36 รายการ
จากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นประธานพิธีเปิด “โครงการคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs” โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. สาธารณสุขให้การต้อนรับ เมื่อมาถึงนายกฯ ได้ชมนิทรรศการของกระทรวงสาธารณสุข อาทิ การทานอาหารนับคาร์บ ซึ่งเป็นการนับการกินคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหาร โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเจอทุกท่านในที่นี้ เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น เขาบอกกันว่าร่างกายของเราเปรียบเสมือนบ้าน ถ้าบ้านของเราสะอาด อากาศถ่ายเท คนที่อยู่ก็รู้สึกสบาย ถ้าเราดูแลตัวเองดี รู้ว่าอาหารแบบไหนทำให้ร่างกายของเราลดโอกาสเจ็บป่วยก็จะทำให้เราปลอดภัยจาก NCDs โครงการนี้ นอกจากให้ความรู้แล้วยังสนับสนุนให้ทุกท่านดูแลตัวเอง หากประชาชนป่วยน้อยลงมีสุขภาพดีขึ้น รัฐบาลก็ประหยัดงบประมาณในการดูแลเรื่องค่าเจ็บป่วยต่างๆ ถือว่าวินวินทั้ง 2 ฝ่ายประชาชนและรัฐบาล และขอสนับสนุนเรื่องการนับคาร์บ หรือการรับประทานคาร์โบไฮเดรต แป้งที่เหมาะสมต่อวัน เพื่อจะทำให้มีสุขภาพที่ดี
ทั้งนี้ นายกฯ ทำพิธีเปิดงานและร่วมถ่ายภาพกับ อสม. ที่ต่างพร้อมใจกันชูทัพพี เพื่อเป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นการนับคาร์บ
นายกฯ บอก เชียงใหม่เปิดแล้ว ชวนมาเที่ยวแลนด์มาร์กแห่งใหม่
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี พาบุตรสาวน้องธิธาร สุขสวัสดิ์ เดินเยี่ยมชมสวนดอกไม้ ภายในงาน Charming Chiang Mai Flower Festival 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย. 67 - 5 ม.ค. 68 ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยระหว่างเยี่ยมชมสวนดอกไม้ น.ส.แพทองธาร ได้ถ่ายภาพเซลฟี่กับประชาชนที่มาขอถ่ายภาพด้วยอย่างเป็นกันเอง โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอเชิญชวนมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เพราะขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่เปิดแล้ว อากาศดี ไม่ร้อนเลย มาที่นี่ดอกไม้สวยเหมือนเมืองนอก การเดินทางก็สะดวกเนื่องจากอยู่กลางเมือง สวนไม้ดอกไม้ประดับของ อบจ.เชียงใหม่ ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดถึงกลางคืน ยังไม่เคยมาตอนกลางคืน ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ไม่มีค่าใช้จ่าย เข้ามาได้เลย เปิดถึงวันที่ 5 ม.ค. 68
นายกฯ สั่งยกระดับแก้ปัญหายาเสพติดเข้มข้น
จากนั้นเวลา 13.20 น. ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ประชุมติดตามประเด็นยาเสพติด โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมกันนี้ได้มีตัวแทนสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา หรือ ดีอีเอ ร่วมสังเกตการณ์ โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชน และทรงติดตามว่าพวกเราที่ทำงานอยู่นั้นเป็นอย่างไรกันบ้างและได้แก้ไขส่วนไหนไปบ้าง ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลจึงยกระดับความเข้มข้นในการแก้ปัญหา และตั้งเป้าแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดครบวงจร ตัดต้นตอการผลิต ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างแข็งขัน สกัดกั้นการลักลอบนำเข้า ยึดทรัพย์ผู้ค้ารายใหญ่ รวมถึงการค้นหาผู้เสพยาเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา รัฐบาลชุดนี้มองว่าผู้ที่เสพยาคือผู้ป่วย ไม่ใช่เป็นคนร้าย และพร้อมจะให้โอกาสบำบัดและให้กลับเข้าสู่สังคมอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และตามแนวพระราชปณิธานของในหลวง
ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานพระราชปณิธาน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เราทำเรื่องนี้ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค. 2568 และขอให้น้อมนำความสำเร็จของโครงการหลวง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการพลิกฟื้นพื้นที่ปลูกฝิ่นให้กลายเป็นปลูกพืชเมืองหนาว และสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านโครงการหลวง เป็นแบบอย่างในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน