รองโฆษกรัฐบาลแนะผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง หากฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานควรงดออกจากบ้าน หลังหลายพื้นที่ใน กทม. ฝุ่นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม ส่งผลต่อสุขภาพ ขณะที่รัฐบาลสั่งโรงเรียนทำห้องเรียนปลอดฝุ่นแล้ว

วันที่ 18 มกราคม 2568 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ว่า เป็นฝุ่นขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพกับคนทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคร่วม ทำให้มีโอกาสเจ็บป่วยทั้งในระยะเฉียบพลันและเจ็บป่วยระยะเรื้อรังได้โดยง่าย ในกลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้ จะเดินหรือเคลื่อนย้ายลำบากและช้ากว่าคนที่แข็งแรง ทำให้ผู้ดูแลมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุได้ปลอดภัยจากฝุ่นละออง PM2.5 โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้ 1) ติดตามสถานการณ์ PM2.5 จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ 2) แจ้งเตือนภัยผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 3) สังเกตอาการที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 ของผู้สูงอายุ รวมทั้งเรื่องสุขภาพของผู้สูงอายุและรายงานให้ญาติของผู้สูงอายุทราบ และ 4) สามารถดูแลและป้องกันตนเองจาก PM2.5 ตลอดจนแนะนำการจัดสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดฝุ่นแก่ผู้สูงอายุ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ฝุ่น PM2.5 สามารถส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการระคายเคืองตา โรคทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ หรือผิวหนังเสื่อมชราเร็ว โรคหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ และภาวะสมองเสื่อม ทั้งนี้ กรมการแพทย์มีข้อแนะนำในการจัดสภาพบ้านให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุดังนี้ 1) ปิดประตู หน้าต่าง หรือช่องรูต่าง ๆ ให้มิดชิดกันฝุ่นละอองเข้ามาในบ้าน 2) ทำความสะอาดบ้านทุกวันโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหรือถู แทนการใช้ไม้กวาดหรือไม้ปัดฝุ่น 3) ไม่ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นภายในห้อง เช่น จุดธูป จุดเทียน การเผา การใช้สารเคมีในอาคาร 4) เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเพื่อให้อากาศภายในห้องเกิดการหมุนเวียน แต่ไม่แนะนำการใช้พัดลมดูดอากาศซึ่งจะดูดเอาอากาศและฝุ่นจากภายนอกเข้ามาในบ้าน 5) พิจารณาเลือกใช้เครื่องกรองอากาศอย่างเหมาะสม (ไม่ควรวางไว้ใต้เครื่องปรับอากาศหรือติดกับพัดลม เนื่องด้วยอากาศที่ยังไม่ถูกกรองจะถูกดูดเข้าเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมก่อนเข้าเครื่องกรองอากาศ และหลีกเลี่ยงการวางเครื่องกรองอากาศไว้ใกล้ห้องน้ำเพื่อกันการดูดความชื้นและปล่อยความชื้นออกมาทำให้ห้องอับเป็นเชื้อรา)

...

“นอกจากนี้ หากพบว่าอากาศมีค่าฝุ่น PM2.5 เกินเกณฑ์ปกติ ควรแนะนำผู้สูงอายุให้งดการออกนอกบ้าน หรือหากจำเป็นควรสวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น เตรียมยาเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เช่น ยาประจำตัว ยาสามัญประจำบ้าน และเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติในผู้สูงอายุ หากผู้สูงอายุมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะหรือหมดสติ แนะนำให้พาผู้สูงอายุพบแพทย์ทันที” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา เนื่องด้วยในช่วงนี้ประเทศไทยพบกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะสิ่งที่ตามมาในช่วงหน้าหนาวของทุกปีคือการเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีสาเหตุเกิดจาก “การล้อมเกาะของอากาศ” ทำให้ฝุ่นและมลพิษที่สะสมอยู่ในอากาศไม่สามารถกระจายออกไปได้และอยู่ในพื้นที่จุดนั้นเป็นเวลานานปริมาณฝุ่นในอากาศจึงสูงขึ้น ซึ่งการเผชิญปัญหาฝุ่น PM2.5 นั้นได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียนที่เปราะบางต่อการเจ็บป่วยและโรคทางเดินหายใจ ทำให้เด็กมีอาการแสบแน่นจมูก แสบตา ตาแดง มีไข้ ตัวร้อน หากทิ้งอาการเหล่านี้ไว้นานเด็กจะนอนกรน หลับไม่ลึก สมองขาดออกซิเจนทำให้ง่วง ความจำไม่ดี ส่งผลต่อการเรียน สมาธิสั้น มีพัฒนาการช้าหรือร้ายแรงสุดคือเสียหายถาวร

นายคารม กล่าวต่อไปว่า และเพื่อให้มาตรการดังกล่าวมีความครอบคลุมและเหมาะสมตามพื้นที่ ขอให้โรงเรียนได้มีการเตรียมมาตรการ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” โดยให้ดำเนินการวางแผนทั้งในด้านระบบการกรองอากาศที่ได้มาตรฐาน มีห้องที่ปิดมิดชิด พร้อมด้วยการเสริมความปลอดภัยให้ห้องเรียนด้วยการใช้พัดลมดูดอากาศ ฉีดละอองน้ำจับฝุ่น เปิดช่องระบายให้อากาศถ่ายเทเล็ก ๆ เพื่อให้ฝุ่นเข้าได้น้อยที่สุด และรวมถึงมีการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้ผู้เรียนตระหนักถึงปัญหาฝุ่นพิษ พร้อมวางแนวทางการป้องกันและติดตามผลกระทบด้านสุขภาพ เพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตในช่วงวิกฤตและเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ