“พิธา” ล่องเรือหาเสียงดัน “เก่ง นันทิยา” เป็นนายก อบจ.สมุทรสงคราม ชวนออกไปเลือกตั้ง 1 ก.พ.นี้ ด้าน “ชัยธวัช” โต้ “ทักษิณ” แจงกรณี “สว.ก๊อง” ชี้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องคุณสมบัติ-ความเหมาะสม ลั่น ท้องถิ่นไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองหรือรัฐบาล


วันที่ 30 มกราคม 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน เดินทางไปช่วยหาเสียงให้กับ น.ส.นันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาชน โดยนายพิธา พร้อมด้วยผู้สมัครนายก อบจ. และผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) พรรคประชาชน ลงเรือล่องคลองโพงพาง และคลองประชาชมชื่น ซึ่งเป็นคลองสายสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ใช้ในการเกษตร เป็นเส้นทางคมนาคมและการท่องเที่ยว

น.ส.นันทิยา กล่าวกับประชาชนสองฝั่งคลองว่า นโยบายสำคัญของตนคือการดูแลการท่องเที่ยวให้กับสมุทรสงคราม ดึงเงินจากนักท่องเที่ยวมาสู่พี่น้องประชาชนและชุมชน ขณะที่ นายพิธา ก็ได้เชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เลือก น.ส.นันทิยา เป็นนายก อบจ. คนต่อไปของสมุทรสงคราม จากนั้นเดินทางถึงตลาดอัมพวา ขึ้นรถแห่และแวะทักทายประชาชนที่ตลาดนัดวัดคริสต์ ก่อนจบการแห่หาเสียงที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ซึ่งตลอดกิจกรรมมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพและส่งกำลังใจให้ทีมพรรคประชาชนจำนวนมาก

...

ทางด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนระหว่างการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ทั้งต่อกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. ผ่านสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกรณีความเป็นไปได้ที่จะมีการทุจริตการเลือกตั้ง

นายชัยธวัช ระบุว่า ที่ผ่านมาชาวเชียงใหม่รวมถึงลำพูนย่อมรู้ดีว่า 4 ปีที่ผ่านมา อบจ.เชียงใหม่ และ อบจ.ลำพูน ทำงานอย่างไร ถ้าดีอยู่แล้วเลือกต่อก็สมเหตุสมผล แต่มันเป็นที่ชัดเจนว่า อบจ. ที่ถูกตั้งข้อสงสัยแม้ในวันที่ชาวเชียงใหม่ทุกข์ยากลำบาก น้ำท่วมสูงที่สุดในรอบ 60 ปี แต่ซื้อถุงยังชีพด้วยราคาที่น่าสงสัยว่าแพงเกินจริงและมีการหาผลประโยชน์หรือไม่ ข้าวสารถุงละ 150 บาท ในราคา 310 บาท อย่างนี้หรือที่เรียกว่าทำงานดี ประชาชนย่อมรู้ดีที่สุด

ขณะเดียวกัน นายทักษิณ พยายามจะบอกว่าตอนนี้ตัวเองต้องขอให้ อบจ. มาเป็นพวกเดียวกัน เป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะได้รู้ปัญหาของท้องถิ่น แก้ปัญหาของประชาชน แต่ต้องอย่าลืมว่าที่ผ่านมา อบจ. ในภาคเหนือและภาคอีสานหลายจังหวัดเป็นคนของไทยรักไทย-เพื่อไทย หรือเครือข่ายทางการเมืองของนายทักษิณ มาหลายสมัยแล้ว พิสูจน์แล้วว่าส่วนใหญ่ทำงานไม่ตอบโจทย์ ไม่ได้เห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเอาคนใหม่ที่ทำงานอย่างมีคุณภาพ มีวิธีการทำงานชุดใหม่ การบริหารแบบใหม่ นโยบายแบบใหม่ รวมถึงการใช้งบประมาณแบบใหม่ที่ต้องโปร่งใส ทุกบาทตกถึงมือประชาชน เข้าไปบริหารแทน

“ยืนยันอีกครั้งว่าท้องถิ่นไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองหรือของรัฐบาล แต่ต้องเป็นเครื่องมือของคนในพื้นที่ที่ต้องทำงานรับใช้คนในท้องถิ่นของตัวเองอย่างดีที่สุด ไม่ใช่มีคนอื่นเป็นเจ้านาย”

นอกจากนี้ มีประเด็นที่ นายทักษิณ ยังตอบไม่ค่อยชัดที่ตนอยากฝากสื่อมวลชนไปถาม คือเรื่องคุณสมบัติความเหมาะสมของ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายก อบจ. พรรคเพื่อไทย ซึ่งปีที่แล้วถูกอัยการสั่งฟ้องในคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ว่าไปสนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ต้องหา ซึ่งแม้นายทักษิณ จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตนยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใคร เป็นเรื่องคุณสมบัติและความเหมาะสมของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะมาบริหารองค์กรขนาดใหญ่และจังหวัด

“เช่นเดียวกับกรณีของคุณทักษิณ ที่เคยอยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว การที่เคยพยายามผลักดันทนายของครอบครัวที่เคยถูกกล่าวหาว่าไปติดสินบนผู้พิพากษาไปเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เรื่องนี้เป็นคุณสมบัติที่ต้องมีความชัดเจน”

นายชัยธวัช กล่าวย้ำ โดยยืนยันว่าสีแดงไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของพรรคไหนหรือครอบครัวใด แต่เป็นสีสัญลักษณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่ในใจของทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาจนถึงวันนี้แม้กระทั่งตนเองด้วย ดังนั้นสีแดงจึงไม่ใช่สีที่วันไหนอยากจะทิ้งก็ถีบหัวส่ง วันไหนอยากจะขอเสียงคืนก็มาขอร้องอ้อนวอน สิ่งที่จะทำให้ได้เสียงจากประชาชนคือความไว้วางใจต่อแนวทางทางการเมือง นโยบาย และการบริหารที่ตอบโจทย์ประชาชนจริงๆ

ทางด้าน น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาชนได้รับข้อมูลจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการทุจริตซื้อเสียง รวมถึงในรูปแบบคลิปและเสียง แต่ประชาชนยังมีความหวาดกลัวในอิทธิพลท้องถิ่น และนี่จึงเป็นเหตุผลให้พรรคประชาชนทำระบบขึ้นมารับเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งโดยเฉพาะ ซึ่งประชาชนสามารถส่งข้อมูลทุกอย่างเข้ามาในทุกช่องทางของพรรคประชาชนได้ รวมทั้งทางสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อที่พรรคจะสามารถรับเรื่องไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป และเพื่อป้องกันประชาชนผู้แจ้งเบาะแสให้ได้รับความปลอดภัยด้วย

ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันพิทักษ์เสียงของประชาชน ไม่ใช่เฉพาะก่อนการเลือกตั้ง แต่รวมถึงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ด้วย ช่วยกันไปเฝ้าหน่วยเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่เฝ้าหน่วย ต่อให้ประชาชนนำพาเสียงเข้าไปถึงหีบบัตรเลือกตั้งได้ เสียงเหล่านั้นก็อาจจะหายไป นี่คือสิ่งที่ทุกคน รวมทั้งคนที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งสามารถทำได้ ทุกคนมีโทรศัพท์ที่ถ่ายคลิปได้ และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนกับ กกต. เพราะไม่ได้เป็นการเข้าไปในพื้นที่นับคะแนน อยู่ที่หน้าหน่วยทุกคนสามารถสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย.