“ภคมน หนุนอนันต์” จวกยับจัดงบฯ กระทรวงมหาดไทยสุดเหลื่อมล้ำ ไม่ตอบโจทย์ชาวบ้าน เน้นทำถนน-สะพาน-อาคาร ไม่พัฒนาคน ฉะจัดงบฯ แบบทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง
เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 31 พ.ค. 2568 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 เป็นวันที่สาม โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายงบประมาณกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของงบฯ จังหวัด และกลุ่มจังหวัด 2.65 หมื่นล้านบาทว่า การจัดงบฯ เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความล้มเหลวของการกระจายอำนาจ และการพัฒนาส่วนท้องถิ่น ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมักทุ่มงบฯ ส่วนนี้ให้กับหัวเมืองใหญ่ก่อน เป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่างชนชั้น ข้อมูลเวิลด์แบงก์เปิดเผยว่า ประมาณ 70% ค่าใช้จ่ายรัฐบาลถูกใช้ในพื้นที่ กทม. จึงเกิดช่องว่างในการพัฒนาของหัวเมืองและชนบทไทยมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยมากกว่า 50% พัฒนาต่ำกว่าศักยภาพโดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน และจังหวัดชายแดนใต้ หมายความว่า พื้นที่ต่างจังหวัดส่วนมากมีศักยภาพที่จะเติบโตได้แต่รัฐไม่สนับสนุน และรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าใจปัญหานี้ดี เพราะนายกฯ แถลงนโยบายว่า จะทำให้ประเทศไทยทุกตารางนิ้วเป็นโอกาสของทุกคน แต่สุดท้ายก็เป็นแค่คำพูดที่ไร้วี่แววจะเกิดขึ้นจริง เพราะการจัดสรรงบจังหวัด และกลุ่มจังหวัดเหมือนเดิมไร้ประสิทธิภาพในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน สุดท้ายก็จบที่การสร้างถนน ทำสะพาน ทำเสาไฟติดไฟส่องสว่าง เขื่อนป้องกันตลิ่ง และเก็บเป็นเงินติดกระเป๋าปีละ 700 กว่าล้านบาท ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเอาไว้จัดสรรกรณีจำเป็น
สาเหตุสำคัญที่เกิดการใช้งบฯ แบบนี้ เพราะผู้มีอำนาจใช้งบฯ คือผู้ว่าราชการจังหวัดที่แต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ยึดโยงประชาชน ไม่เข้าใจพื้นที่ มาไม่นานก็ย้ายไป การจัดสรรงบฯ แต่ละจังหวัด ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำประชาชน ใช้เกณฑ์จังหวัดใหญ่ได้งบฯ มาก ทั้งที่การพัฒนาต้องจับมือโตไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแบบนี้ นายกฯ ต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มโอกาสประชาชนที่เริ่มจากการจัดสรรงบฯ ก้อนนี้ เช่น หากดูงบฯ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 จ.กำแพงเพชร, พิจิตร, นครสวรรค์ และอุทัยธานี มีความล้ำหน้ากว่าใคร มีการทุ่มงบฯ สร้างถนน, อาคาร มากกว่าการสร้างคน ขณะที่พื้นที่ชายแดนใต้ก็เหลื่อมล้ำสุดในลำดับต้นๆ ดูจากงบฯ กลุ่มจังหวัด 1,205 ล้านบาท ถูกใช้ในงานก่อสร้างและฝึกอบรม แต่ไม่มีโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาเลย หรือในส่วนของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จ.บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ ที่ขาดแคลนแพทย์ ก็ไม่มีโครงการที่เกี่ยวกับการเข้าถึงระบบสาธารณสุขเลย มีแต่งบฯ ทำถนน, สร้างสะพาน หรืองบฯ ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ตั้งงบกลุ่มจังหวัด 1,278 ล้านบาทระบุว่าใช้ทำโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว แต่กลับเอาไปสร้างถนน, ทำสะพาน, ไฟส่องสว่าง ทั้งที่ได้ตั้งงบฯ เพื่อทำถนนไว้อีก 3,800 ล้านบาท เฉพาะในภาคใต้ งบฯ ปี 69 ทั้งงบฯ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ตั้งงบฯ ก่อสร้างถึง 5,000 ล้านบาท ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจทางการเมือง ทำภารกิจซ้ำซ้อน ท่านคิดแต่การสร้างทุกอย่าง แต่ขาดการสร้างสรรค์งบประมาณที่ประชาชนรอคอย
...
“ดิฉันจึงเสนอให้ใช้งบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดอย่างสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์คนในพื้นที่มากกว่าความต้องการของผู้มีอำนาจที่ต้องคำนึงถึงการพัฒนาระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุข การขนส่งสาธารณะ อย่าคิดเอง เออเอง ไม่ใช่จัดสรรเป็นเค้กของกลุ่มอำนาจผ่านผู้ว่าฯ ตนอยากเห็นการถ่ายโอนงบฯ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นองค์กรที่ใกล้ชิดเชื่อมโยงประชาชนมากกว่า เพราะการจัดสรรงบแบบเดิม เป็นการปิดกั้นการกระจายอำนาจ อ้างประชาชนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการใช้จ่ายแบบนี้ ถือเป็นการจัดสรรงบที่ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง”