กรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ใช้อำนาจในฐานะสภานายกพิเศษ วีโต้มติแพทยสภาที่สั่งลงโทษ 3 นายแพทย์ ที่ใช้ดุลพินิจมิชอบ ช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ กำลังยกระดับเป็นข้อพิพาทระหว่างฝ่ายแพทย์กับฝ่ายการเมือง

ถึงขั้นที่องค์กรแพทย์หลายโรงพยาบาลเตรียมเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อแพทย์ยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์จากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข พร้อมปลุกใจกรรมการแพทยสภายึดมั่นในจริยธรรมและจรรยาบรรณ ร่วมยืนยันเสียง 2 ใน 3 ในการประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อยืนยันมติให้ลงโทษกลุ่มแพทย์ที่ช่วยเหลือนายทักษิณ

นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สว. ในฐานะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ระบุว่าเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี ที่มีการ วีโต้มติแพทยสภา ตำแหน่งสภานายกพิเศษเป็นสิ่งที่สภาวิชาชีพแพทย์ให้เป็นเกียรติแก่ รมว.สาธารณสุข ในฐานะที่มาจากประชาชน ฉะนั้นอย่าใช้เกียรติที่สภาวิชาชีพมอบให้มาทำร้ายวิชาชีพแพทย์

นายประพนธ์กล่าวว่า หน่วยงานทางการแพทย์ไม่ใช่หน่วยงานการเมือง เป็นเสาหลักธำรงจริยธรรมทางวิชาชีพ หากมีอำนาจภายนอกแทรกแซง ย่อมสั่นคลอนความเป็นอิสระ ทำลายความน่าเชื่อถือวิชาชีพแพทย์และกระบวนการยุติธรรม ถ้าข้อมูลทางการแพทย์ถูกเบี่ยงเบนเพื่อประโยชน์บุคคลใด จะกระทบศรัทธาประชาชน

ขณะที่นายสมศักดิ์ชี้แจงกรณีถูกกลุ่มแพทย์ล่าชื่อถอดถอนว่า ไม่กังวล และเคารพวิจารณญาณบุคลากรทางการแพทย์ แต่ไม่เชื่อว่าคณะกรรมการแพทยสภาจะเป็นผู้เริ่มต้นการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ อาจมีบุคคลภายนอกอยู่เบื้องหลัง มองว่าการกดดันให้บุคคลใดออกจากตำแหน่งโดยไม่มีเหตุผลอาจเป็นการทำลายกลไกกฎหมาย

แม้ รมว.สาธารณสุขประกาศไม่กลัวทัวร์ลง พร้อมให้ตรวจสอบ และพร้อมจะตอบคำถามข้อสงสัย แต่สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยิน คือคำตอบที่คลายข้อสงสัย มีเหตุผลข้อเท็จจริง และหลักฐานหนักแน่น ให้ความมั่นใจได้ว่าการวีโต้มติแพทยสภาครั้งนี้ ไม่มีเบื้องหลังผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อช่วยเหลือใครให้ได้สิทธิพิเศษ

...

ในฐานะที่ รมว.สาธารณสุขเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารแพทย์ทั้งประเทศ ต้องเป็นผู้นำสร้างความถูกต้อง ไม่ปล่อยให้อำนาจจากภายนอกมาแทรกแซงความเป็นอิสระการตรวจสอบทางการแพทย์ ทำลายความเชื่อมั่น ความศรัทธาในวิชาชีพแพทย์ให้หมดความน่าเชื่อถือ ต้องพิสูจน์ให้เห็นชัด มาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพอยู่เหนืออิทธิพลใดๆ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม