“พล.อ.ประวิตร” ส่งสัญญาณแรง หลังมีคลิปหลุดผู้นำกัมพูชาสั่งไล่ล่าคนเห็นต่างบนแผ่นดินไทย ลั่น ประเทศต้องไม่ถูกมองว่าอ่อนแอ ผู้นำต้องไม่ลังเลปกป้องอธิปไตย มีจุดยืน ไม่ใช่เงียบงัน ลั่น สมัยตนไม่เคยปล่อยให้ใครคิดว่าไทยเป็นแค่ทางผ่าน
วันที่ 24 มิถุนายน 2568 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤติความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จากกรณีคลิปเสียงหลุดที่สำนักข่าว Al Jazeera เผยแพร่ โดยในคลิปมีเสียงคล้ายผู้นำกัมพูชา สั่งตรงถึง นายเคลียง ฮวด ให้ตามล่าคนเห็นต่างทางการเมือง แม้จะอยู่ในประเทศไทย พร้อมระบุว่า “จะจับเป็นหรือจับตายก็ได้” และต้อง “เอาตัวกลับให้ได้” สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในสังคมไทย โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาในคลิปยังระบุชัดว่ามีเครือข่ายอยู่ในไทย และบางส่วนอ้างว่าทำงานกับเจ้าหน้าที่ไทยด้วย
พลเอกประวิตร กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์นี้ถูกโยงกับคดีลอบสังหาร นายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา ที่ถูกยิงกลางกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 โดยคนร้ายหลบหนีไปกัมพูชาได้อย่างไร้ร่องรอย แต่สิ่งที่น่าห่วงกว่าความรุนแรง คือท่าทีของรัฐบาลไทยที่ถูกตั้งคำถามอย่างหนักว่าทำไมยังไม่ตอบโต้ใดๆ ชัดเจน
“ผมขอเตือนว่า เมื่อผู้นำไม่กล้าเผชิญหน้า ต่างชาติก็เลยกล้าเหยียบเท้าเรา เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าประเทศไทยกำลังถูกมองว่าอ่อนแอ และถูกใช้เป็นสนามไล่ล่าทางการเมือง สมัยผมไม่เคยปล่อยให้ใครคิดว่าไทยเป็นแค่ทางผ่านหรือพื้นที่ล่าสังหาร ใครข้ามเส้นมา ผมมีวิธีให้เขากลับไปแบบไม่ลืมว่าแผ่นดินนี้มีเจ้าของ การปกป้องแผ่นดินไม่ใช่แค่หน้าที่ของทหาร แต่เป็นหน้าที่ของผู้นำที่ต้องกล้าแสดงจุดยืน และไม่ลังเลต่อการปกป้องอธิปไตยของประเทศ”
...
ในช่วงท้าย พลเอกประวิตร ยังกล่าวด้วยว่า ใครจะเป็นผู้นำ ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขากล้าปกป้องคนทุกคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดินนี้หรือไม่ ไม่ว่าคนนั้นจะพูดภาษาอะไร หรือเห็นต่างกับใครก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้องมีจุดยืน ไม่ใช่เงียบงัน.