ในห้วงที่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เผชิญปัญหารุมเร้าอย่างหนัก ทั้งกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ลามมาถึงปมคลิปเสียงการสนทนากับฮุน เซน ประธานองคมนตรี ผู้นำเบอร์ 1 กัมพูชา และโดน สว.ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยถอดถอนออกจากตำแหน่ง พ่วงสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่

เป็นจังหวะเดียวกับที่ความขัดแย้งในรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยถึงจุดแตกหัก มีการยื่นคำขาดยึดคืนเก้าอี้ รมว.มหาดไทย จากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในช่วงเดียวกับที่มีการปล่อยคลิปเสียงนายกฯ พรรคภูมิใจไทยจึงยกเป็นข้ออ้างชิงถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล จนนำมาสู่การปรับ ครม.อิ๊งค์ 1/2

ในห้วงที่รัฐบาลชุลมุนกับการแก้ปัญหาชายแดนกัมพูชา และการปรับ ครม. เพิ่มเก้าอี้ รมต.ให้พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ แลกกับเสียงสนับสนุนรัฐบาลให้อยู่ในอำนาจต่อไป ก็ปรากฏว่าได้เกิดเหตุคนร้ายลอบนำส่วนประกอบระเบิดแสวงเครื่องไปวางซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ จ.พังงา ภูเก็ต และกระบี่ จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญภาคใต้ฝั่งอันดามัน

คนร้ายมีการนำชิ้นส่วนประกอบระเบิดไปวางตามจุดต่างๆ อาทิ ป้ายหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา สนามบินภูเก็ต หาดป่าตอง จุดชมวิวแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต หาดนพรัตน์ธารา จ.กระบี่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้หมด จากการตรวจสอบระเบิดยังไม่พร้อมใช้งาน และใช้ดินระเบิดปริมาณน้อย หากระเบิดอานุภาพจะไม่ร้ายแรง

ปฏิบัติการไล่ตรวจค้นระเบิดครั้งนี้ เริ่มจากตำรวจ จ.พังงา จับผู้ต้องหาชาวปัตตานี 2 คน ขับรถยนต์ทะเบียน จ.สุรินทร์ ตรวจยึดตัวจุดชนวนระเบิดได้ และสอบขยายผลจนรู้ว่ายังมีระเบิดซุกซ่อนในพื้นที่ภูเก็ตและกระบี่ จึงระดมค้นหาจนพบตามจุดต่างๆ ดังกล่าว โดยเชื่อว่ามีจุดประสงค์สร้างสถานการณ์ ปั่นป่วนในช่วงที่อำนาจรัฐอ่อนแอ

...

จากสถานการณ์ลอบวางระเบิดครั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ชี้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่มันก็แปลกตรงที่ไม่ได้มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น เหมือนแค่ต้องการขู่ ฉะนั้นจึงไม่ควรมองข้ามประเด็นอื่นๆ ทั้งเรื่องกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ขัดแย้งผลประโยชน์ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในระดับชาติ

ดังนั้น รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องเร่งหาคำตอบให้ชัดว่าผู้บงการที่แท้จริงคือใครกันแน่ เพื่อหาทางป้องกันและสกัดกั้นให้ตรงจุด เพราะแผนการวางระเบิดข่มขู่ครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด ใครเป็นผู้บงการก็ตาม เป้าหมายคือต้องการทำลายการท่องเที่ยวไทย ทำลายเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม