“นฤมล” นำ “ลิณธิภรณ์-เทวัญ” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์-พบผู้บริหาร ก.ศึกษาธิการ พร้อมสานงานต่อไม่มีสะดุด ลั่น ทุกคนคือข้าราชการของในหลวง ด้าน “เทวัญ” ย้ำเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาเพื่อเศรษฐกิจไทย

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิกา และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูป (หน้า สอศ.) และศาลปู่เจียม เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี และพบปะผู้บริหาร ศธ. โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

นางนฤมล กล่าวกับผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการช่วงหนึ่งว่า ตนไม่อยากให้ใช้คำว่ามอบนโยบาย แต่วันนี้เรามาคุยกันในสิ่งที่ผู้บริหารของกระทรวงศึกษาฯ อยากจะพัฒนาต่อยอด รัฐมนตรีทั้ง 3 คนที่เข้ามาบริหารงานใหม่อยากจะผลักดันและช่วยให้งานที่คงค้างอยู่สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ เรื่องต่างๆ ที่รัฐมนตรีท่านก่อนๆ ได้วางเอาไว้ อะไรที่เป็นเรื่องดีเราก็จะนำมาสานต่อ ไม่มีการนำเอาเรื่องการเมืองมาเป็นตัวหลักในการดำเนินงาน

...

“ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่างานต่างๆ ที่ขับเคลื่อนอยู่จะไม่เกิดปัญหาสะดุดแน่นอน ทราบมาว่าหลายท่านมีความกังวลจะมีการรายงานว่าใครเป็นคนของใคร มาจากสายไหน แต่ส่วนตัวไม่ถือว่าใครเป็นคนของใคร ทุกท่านที่อยู่ที่นี่คือข้าราชการของในหลวง คือข้ารับใช้แผ่นดิน เป็นคนของกระทรวงศึกษาฯ ฝ่ายการเมืองเข้ามาบริหารก็เป็นเพียงแค่วาระ มาแล้วก็ไป ข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายของฝ่ายการเมือง เข้าใจตรงนี้เป็นอย่างดี เราทั้ง 3 คนจะทำงานร่วมกับข้าราชการประจำ เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่อยากให้เกิดความกังวลใดๆ”

รมว.ศึกษาธิการ ระบุต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ตนได้พบกับผู้บริหารนอกรอบหลายๆ คนไปแล้ว มีการพูดคุยกันเรื่องสวัสดิการของครู และการสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรครู เช่น การลดภาระงานต่างๆ ให้ครู รวมถึงเรื่องวิทยฐานะ และระบบการโยกย้ายว่าจะทำอย่างไรให้หลักเกณฑ์เป็นธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรครูในการทำหน้าที่ เพราะนอกจากส่วนของนักเรียนแล้ว บุคลากรครูกว่า 500,000 คน เราก็จะต้องทำให้เขามีความสุขด้วย จะทำให้คุณภาพของเด็กไทยมีศักยภาพมากขึ้น

พร้อมกล่าวอีกว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนฝากมาว่า อยากให้การศึกษาของไทยให้ความสำคัญต่อหลักสูตรแกนกลาง ในส่วนของประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ให้เด็กและเยาวชนทราบถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย ระบบการปกครองของไทยที่มีรูปแบบไม่เหมือนกับประเทศอื่น และหน้าที่พลเมืองเป็นอย่างไร จึงอยากให้มีการพัฒนาให้เห็นเป็นรูปธรรมในแบบเรียนที่หลายฝ่ายให้การยอมรับและนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายต่อไปในอนาคต ซึ่งตนอยากวางรากฐานตรงนี้ไว้เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังเข้าใจในรากเหง้าของและหน้าที่ของตัวเองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดยบรรยากาศที่กระทรวง มีกรรมการบริหารพรรคกล้าธรรม และ สส.พรรคกล้าธรรม เดินทางมาแสดงความยินดีกับ นางนฤมล จำนวนมาก อาทิ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ สส.ฉะเชิงเทรา, นายอิทธิ ศิริลัทธยากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี, นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน, นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์, นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด, นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ, นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ, นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ, นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ กรรมการบริหารพรรค และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.ณมาณิตา กลับบ้านเกาะ อดีต สส.สมุทรสาคร และ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสุชาติ อุสาหะ กรรมการบริหารพรรค, นายพรชัย อินทร์สุข กรรมการบริหารพรรค และนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค นอกจากนี้ยังมี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน, น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐด้วย

ทางด้านนายเทวัญ หลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีและให้กำลังใจจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยได้กล่าวแสดงความรู้สึกว่า รู้สึกภูมิใจและถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มีโอกาสมาร่วมทำงานกับทุกภาคส่วนในกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมย้ำว่าอยากเห็นการศึกษาของเด็กไทยก้าวหน้าและพัฒนาอย่างยั่งยืน

“ผมเชื่อว่าทุกประเทศ หากประชาชนและเด็กนักเรียนได้รับการศึกษาที่ดี จะทำให้เราได้บุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการดำเนินงานของประเทศในภาพรวมให้ก้าวหน้าไปได้ ดังนั้น พื้นฐานด้านการศึกษาจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นกระบวนการที่จะนำไปสู่ความเจริญของประเทศ”

ขณะเดียวกัน นายเทวัญ ยังย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปฏิรูปการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนไทยให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป.