“ทักษิณ” เปิดตัว ThaiWORKS ต่อยอดโอทอป โอดการเมืองไร้สาระ ฉุดพัฒนา ฟาดมหาดไทยเดิมไม่ร่วมมือ ฝาก “บิ๊กอ้วน” ขับเคลื่อนงาน พร้อมรอ “อิ๊งค์” กลับมาลุยงานต่อ เชื่อความสามัคคีกัน  ซอฟต์พาวเวอร์จะมีพลังมหาศาล


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ก.ค. 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond” ในงาน SPLASH soft power forum 2025 โดยมีครอบครัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมสามี นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และน.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และสามี นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมฟังวิสัยทัศน์และมาให้กำลังใจ โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นพิธีกร ซึ่งได้ให้นายทักษิณได้อธิบายว่า “อะไรคือคิดใหม่ทำใหม่”

ย้อนจุดกำเนิดโอทอป

โดยนายทักษิณกล่าวว่า อะไรคือคิดใหม่ทำใหม่นั้น มาจากวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศในอดีต และไทยตามไม่ทันโลก เพราะเราอยู่กับที่เดิม ๆ ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนไป จึงต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ส่วนคำว่า “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ต้องการให้รู้ว่า เราต้องฝัน และบินไปให้ไกล เราต้องไม่ลืมรากเหง้าและต้องมองไปให้ไกล นอกเหนือจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านแล้ว นโยบายโอทอป จุดเริ่มต้นจากประเทศญี่ปุ่น 1 หมู่บ้าน 1 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งประเทศไทยมีความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือมีงานฝีมือของชาวบ้านอยู่ทุกที่ทุกภาคซึ่งปรับได้ แต่ไปได้ไม่ไกล จึงคิดถ้ามีการออกแบบใหม่ ๆ ดีไซน์ดี ๆ การตลาดดี ๆ น่าไปไกลมากกว่านั้น อยากทำอะไรที่ชาวบ้านมีส่วนร่วม มีรายได้ เลยเริ่มเรื่องนี้จริงจัง

...

ปลื้มใจอดีตประสบความสำเร็จ

นายทักษิณกล่าวต่อว่า วันนั้นเราได้เจโทรของญี่ปุ่นมาช่วยเราเยอะ และเราได้ข้าราชการทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์มาช่วยกัน เลยทำให้เราประสบความสำเร็จมาก ปีแรกขายได้ 20,000 กว่าล้านบาท ปีถัดมาได้ 40,000 กว่าล้านบาท และส่งออกไปญี่ปุ่นได้ด้วย ซึ่งมีการนำสินค้าไปขายผ่านโทรทัศน์ญี่ปุ่นขายได้หลาย 100 ล้านบาท ตอนนั้นเราปรับปรุงได้ในระดับหนึ่ง ตนยังติดใจอยู่ว่าโลกข้างหน้าเราจะสู้กับเขาอย่างไร เราต้องยอมรับว่าการศึกษาของเรามีปัญหา ระบบบริหารของเรามีปัญหา เพราะว่าเรามีแนวคิดแบบไซโลหรือแท่งใครแท่งมัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ เราตามเขาไม่ทันแน่นอน จึงคิดว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยน่าจะยังเป็นจุดแข็ง และหากินได้อีกยาว เพราะโลกยิ่งเปลี่ยนแปลงเท่าไร แต่อยากให้มีสิ่งที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ และรักษาไว้ เพราะปัจจุบันได้พึ่งพาเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย จึงคิดว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์จะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย นอกเหนือจากการตามไม่ทันเศรษฐกิจด้านเทคโนโลยี


ต่อยอดทำไทยเวิร์ค

ทั้งนี้ ตนมีโอกาสได้เจอนายปีเตอร์ ฮาร์แนลในช่วงที่อยู่ต่างประเทศ และได้มีโอกาสเจอกัน จึงชวนมาทำโครงการไทยเวิร์ค เพื่อต่อยอดโครงการ OTOP คิดว่าจะสามารถช่วยคนไทยลงไปในระดับรากหญ้าได้ ขณะที่คนระดับบนยังสามารถต่อยอด การตลาดทางด้านการตลาดการเสริมสร้างผลิตภัณฑ์ต่อไปได้  จริง ๆ ตนก็คิดวันนั้น ตนมองสินค้าไทยในภาพรวม มีสินค้า OTOP เป็นสินค้าฐาน แล้วก็มีสินค้า SMEs เป็นสินค้าประกอบ ดังนั้นต้องสร้างแบรนด์ แต่บริษัทเล็ก ๆ ถ้าจะสร้างแบรนด์ต้องใช้ตังค์เป็นจำนวนมากที่จะมานำไปสู่สากล จึงให้เกาะปีกแบรนด์ไทยแลนด์ไปก่อนแล้วกัน เลยจะสร้างแบรนด์ไทยแลนด์ขึ้นมา แต่จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ว่ากันไป เมื่อแข็งแรงแล้วก็สร้างแบรนด์ของตัวเองได้ ก็เลยคิดว่าจะทำร้านในเมืองใหญ่ ๆ ที่ช้อปปิ้งทั้งหลาย เป็นโชว์รูมของประเทศไทย


นายทักษิณกล่าวต่อว่า ปรากฏว่าช่วงที่คิดเป็นช่วงปลายปี 2548 เป็นช่วงที่การเมืองเริ่มยุ่งแล้ว บ้านเราเสียเวลาเรื่องการเมืองที่ไร้สาระมากกว่าเรื่องที่มีสาระ เลยทำให้เรื่องมีสาระถูกละเลยเป็นประจำ เป็นช่วง ๆ เมื่อเจอปีเตอร์เลยอยากสานต่อเพื่อให้แนวคิดเป็นสากล ซึ่งตนเคยคิดว่าถ.ราชดำเนินเป็นที่ทรัพย์สินกำลังจะหมดสัญญาตนบอกว่าหากเอาแบรนด์ไปใส่หนึ่งห้อง โอทอปหนึ่งห้องสลับกันไปมา ทำให้โอทอปได้เห็นพัฒนาการและปรับตัวเอง ใช้วัสดุดี ๆ เพื่อให้ราคาเพิ่มขึ้นให้ปรับตัวไปเรื่อย ๆ

ต้องพักเพราะถูกปฏิวัติ

“และเป็นช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ แต่พอดีมีปฏิวัติเสียก่อนเลยต้องพักไป ตอนนี้กลับมาใหม่ จะเอาของเก่าที่ดีไซน์ไว้มารีเฟรชใหม่ และดูว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อ จำไว้ว่าตนเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล ไม่มีเลิกทำ เพราะที่ทำทั้งหมดออกเงินเองเพราะต้องการให้เป็นโซเชียลเอนเตอร์ไพรซ์ของคนไทย ไม่ใช่ของการเมือง เพื่อให้การพัฒนาประเทศในด้านครีเอทีฟอีโคโนมีต่อเนื่องยาวนาน” นายทักษิณกล่าว


ยอมรับแก้ศก.ยากกว่าเดิม

นายทักษิณกล่าวอีกว่า การผลิตนอกจากลิขสิทธิ์ที่เราได้ให้เอสเอ็มอีไปขยายผลแล้ว ตนยังอยากให้ทุกหมู่บ้านเป็นหนึ่งโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลิตสินค้าที่ดี ดีไซน์จากส่วนกลางและเป็นทักษะของท้องถิ่นผสมผสานกับแนวคิดครีเอทีฟของคนท้องถิ่นและปรับไปมา เหมือนเราฟังแนวคิดและดีไซน์ของเขามาปรับให้เป็นสากลแล้วไปออกแบบในการสร้างต่อไป ขณะนี้ต้องรีบทำให้สินค้าหรือดีไซน์แบบของไทยทำเงินได้ เด็กรุ่นใหม่แน่นอนว่าโดยเฉพาะเจน Z จะห่วงเรื่องสถานะการเงินของเขามาก ถ้าเขาไม่มีช่องทางหารายได้ เขาก็ทิ้ง แต่ถ้าหากพ่อแม่สอนมา เขาทำเป็นแต่เขาไม่อยากทำเพราะการเงินไม่ได้ แต่ถ้าเขาทำเงินกับมันได้เขาก็ทำ ไม่มีใครทิ้งสิ่งที่ทำเงินได้ แต่ขึ้นกับเศรษฐกิจ เราจะต้องทำเศรษฐกิจฟื้นตัวให้ได้ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวทำอะไรก็ขายได้ วันนี้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจยากกว่าสมัยก่อนเพราะหมักหมมมานาน แต่ก็ต้องแก้ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและงานไทยเวิร์คหรือโอทอปของเราขับเคลื่อนได้ วันนั้นคนรุ่นใหม่จะหันกลับเป็นช่องทางทำมาหากินอีกช่องทางหนึ่ง

ซัด มท.เดิมไม่ร่วมมือ

นพ.สุรพงษ์ ถามต่อว่า มีอะไรที่จะเสนอต่อกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เรื่องโครงการไทยเวิร์คหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า อยู่ที่เรื่องการเอาจริงเอาจัง หากรัฐเอาจริงเอาจังข้าราชการก็ร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ค่อยให้ความร่วมมือมาก่อน โดยวันนี้กระทรวงมหาดไทยต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะกระทรวงมหาดไทยเป็นตัวสำคัญที่จะนำนโยบายไปสู่ประชาชน คือ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน เขาอยู่ติดกับชาวบ้านที่สุด ซึ่ง ThaiWORKS หรือซอฟต์พาวเวอร์ ถ้าเขาร่วมมือปุ๊บทุกอย่างจะขับเคลื่อนได้ คนที่ช่วยขับเคลื่อนกลไกสำคัญคือกระทรวงมหาดไทยต้องมูฟ


นายทักษิณกล่าวต่อว่า อะไรที่เจริญหูเจริญตาก็เริ่มดีทั้งนั้น ถ้าไปที่ไหนเห็นแต่กล่องสี่เหลี่ยมไม่ไหว ตนอยู่ที่ดูไบ ไม่ได้บอกว่าชอบมากกว่าประเทศไทย แต่เขาดีไซน์หลากหลายเอาสถาปนิกจากทั่วโลกมาออกแบบตึกก็มีรูปทรงที่ต่างกันและสวยงาม ตนลงเครื่องบินมาถึงประเทศไทยเจอแต่กล่องสี่เหลี่ยม ซึ่งเราไม่กล้าลงทุนในเรื่องดีไซน์ จริง ๆ แล้วเราเป็นประเทศที่มีความสวยงามอยู่แล้ว ขณะที่ตนชอบเรื่องศิลปะ และเทคโนโลยี

น่าสอน Virtual  AI ให้ประชาชน

ในช่วงหนึ่ง นายทักษิณกล่าวว่า วันนี้ AI เก่งมาก เก่งจนตนกลัว และกลัวหนักว่าคนไทยจะไม่ยอมตามให้ทัน เพราะ AI แพลนได้หมด โดยไม่ต้องทำอะไร วันนี้ นายกฯ บอกว่า เราน่าจะทำ Virtual Training AI ให้กับประชาชน เรียนเสร็จแล้วค่อยให้โทเคน เรียนก่อนเพื่อไปใช้ สิ่งเหล่านี้จะมาช่วยเรื่องครีเอทีฟอีโคโนมี เราจะใช้ความเป็นยูนีกของคนไทยไปสู่โลกให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร มีแนวคิด โดยในจังหวะนั้น นายทักษิณชี้มือไปที่ น.ส.แพทองธาร และบอกว่า นายกฯ ก็นั่งตรงนี้ ก่อนที่ นพ.สุรพงษ์ ได้ทักขึ้นว่า เป็นรมว.วัฒนธรรม และเป็นนายกรัฐมนตรีน่าสอน

ฝาก“บิ๊กอ้วน” ขับเคลื่อนงาน 

นายทักษิณกล่าวอีกว่า ในวันที่ 10 ก.ค. ตนจะเอาแนวคิดที่จะทำไทยเวิร์คมาคุยกับปีเตอร์ โดยจะดูว่าอะไรที่จะนำไปลงหมู่บ้านชุมชน ก็จะฝากให้รมว.มหาดไทย รมว.อุตสาหกรรมไปช่วยกัน วันนี้เอสเอ็มอีเรามีปัญหาเพราะโดนเอาของจีนราคาถูกมาขาย ซึ่งตนจะเชิญเอสเอ็มอีมาฟังเรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นการขับเคลื่อนของไทยเวิร์คจะลงไปในสองระดับ ส่วนระดับสู่ตลาดโลกนั้นเราจะใช้ทีมของปีเตอร์ซึ่งมีความกว้างขวางในวงการตลาดโลกพอสมควร รู้จักแบรนด์ต่าง ๆ ว่าเราจะผลิตป้อนแบรนด์หรือจะดีไซน์ร่วมอย่างไร หรือจะทำแบรนด์ของเราต่างหาก เหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำต่อไป รอให้ท่านนายกฯ ได้กลับไปทำงานก่อน ตนเป็นคนใจร้อนตอนนี้ 76 ปีแล้ว ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน รีบ ๆ ทำเถอะฝาก 


เหน็บคนไทยเขียนนิยายเก่ง

นายทักษิณกล่าวว่า สำหรับความเห็นเรื่องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยนั้นได้ นายทักษิณกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าวงการหนังบ้านเรา ตอนหลังมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาแล้ว มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ทำให้หนังไทยประสบความสำเร็จมากขึ้น ทั้งนี้หากสามารถมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ภาพยนตร์ไทยจะสำเร็จมากขึ้น และหลังจากนี้เปิดตลาดหนังให้กว้างขึ้น และรัฐบาลช่วยสนับสนุนด้วย ตอนนี้คนใน Hollywood เริ่มซื้อสคริปต์หนังไทยไปแปลแล้ว เพราะคนไทยเขียนนิยายเก่งโดยเฉพาะการเมืองนิยายน้ำเน่าเยอะ ฉะนั้นหากเราทำหนังดี ๆ มีคุณภาพและเปิดตลาดให้กว้างขึ้นแล้วรัฐช่วยสนับสนุน วันนี้ต้องทำสมองให้พัฒนาในการทำงาน อย่าไปพัฒนาการทำร้ายซึ่งกันและกันประเทศมันอยู่ไม่ได้

ต้องสามัคคีถึงมีพลังมหาศาล

นพ.สุรพงษ์ยังถามด้วยว่า มองอนาคตซอฟต์พาวเวอร์ของไทย มีอนาคตแค่ไหน ต้องขับเคลื่อนอย่างไร และจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้จริงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ก่อนอื่นเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศนั่นคือความไม่สามัคคี ความอิจฉาริษยา ถ้าเราอยู่ด้วยความสามัคคีกัน ไม่อิจฉาริษยากัน เกื้อกูลกัน ซอฟต์พาวเวอร์จะมีพลังมหาศาล ถ้าคนไทยมีสิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะสามารถสร้างพลังซอฟต์พาวเวอร์ได้ในหลากหลายสาขา หลากหลายช่องทาง และมันคือช่องทางทำมาหาเงินทั้งนั้น แม้โลกจะมีเทคโนโลยีใหม่ ทันสมัยแค่ไหนก็หนีคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้ ทุกอย่างคนเราไม่ทิ้งรากเหง้าแน่นอน เพราะฉะนั้นของเรามีของดีอยู่แล้ว เรามีคนไทยที่มีสายเลือดที่ดีอยู่แล้ว ต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่สำคัญคือ พอสร้างขึ้น พอคนนั้นเริ่มโต คนนี้มาอิจฉากัน ตรงนี้ต้องทิ้ง ๆ ไปบ้าง เข้าวัดหน่อย


จากนั้น นายทักษิณ พร้อม น.ส.แพทองธาร และคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการ บูธภายในงาน โดยบูธมวยไทย ได้มอบนวมมวยไทยให้นายทักษิณ และ น.ส.แพทองธารเป็นที่ระลึกด้วย ก่อนเยี่ยมชมบูธภาพยนตร์ และชมการแสดงแฟชั่นโชว์ บูธ Music Pavilion และระหว่างนั้นได้มีแฟนคลับได้นำหนังสือ “คิดอย่างทักษิณ” มาให้เซ็นเป็นที่ระลึก