“เศรษฐา” หวังไทยไม่เสียเปรียบ ได้ภาษีเท่าเวียดนาม เชื่อเสถียรภาพรัฐบาลส่งผลต่อความมั่นใจนักลงทุนต่างชาติ เผยนายกฯ แพทองธาร กำลังใจดี  นักท่องเที่ยวจีนหายไม่เกี่ยวเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 ก.ค. 2568 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาขยายเวลาเจรจาภาษีครั้งสุดท้ายเป็นวันที่ 1 ส.ค. 2568 นี้ ไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 36 หรือไม่นั้นว่า ขณะนี้ไทยมีเวลาถึง 1 ส.ค. 2568 ส่วนตัวเชื่อว่านายพิชัย ชุณหวัชระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมทีมไทยแลนด์ (Thailand) จะต้องมีการหารือกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้ไทยได้อัตราภาษีที่ดีขึ้น ซึ่งส่วนตัวได้มีการพบเจอกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ และได้รับคำยืนยันว่า "สู้อย่างเต็มที่"

เชื่อยังมีความหวัง

นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่ายังมีความหวัง เพราะไทยยังมีหลายอย่างที่ต้องให้กับทางสหรัฐฯได้อยู่ โดยสิ่งที่ไทยมีแต้มต่อในการต่อรองลดภาษีนั้น จะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จำนวนสินค้าในหมวดต่างๆ ตรงไหนที่ให้สหรัฐแล้วไม่ต้องเสียภาษีที่มากมาย แต่สำคัญที่สุด ทีมงานทุกกระทรวงไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI จะต้องมานั่งพูดคุยกัน มีสิ่งไหนที่เกี่ยวข้อง เสียงจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่าให้เสียงแตก เพื่อให้สหรัฐพอใจ

หวังตัวเลขใกล้เคียงเวียดนาม

รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น "นอนคาร์ริค" (การหลีกเลี่ยงภาษี) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 'คาร์ริค" (การเสียภาษีเงินได้) ขั้นตอนของศุลกากรที่ยังคงมีปัญหา การสวมสิทธิ์ต่างๆ เป็นเรื่องที่ไทยต้องให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯยังคงจัดเก็บภาษีไทยอยู่ที่ร้อยละ 36 สิ่งที่จะกระทบตามมาก็คือ กลุ่มเป้าหมายที่อย่างน้อยอาจหันเข้าเวียดนามอย่างน้อยร้อยละ 20 และสหรัฐจัดเก็บในอัตราที่สูงย่อมจะส่งปัญหา เพราะหลายอุตสาหกรรมที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย ก็หวังว่าไทยจะไม่เสียเปรียบเพื่อนบ้าน แต่แน่นอนว่าไทยยังมีข้อได้เปรียบอีกหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยและต้นทุนต่ำ "low cost safe living" มีระบบภาษีที่ชัดเจนกว่า และมีระบบราชการที่ดูแลนักลงทุนอย่างเป็นธรรม ดังนั้น ส่วนตัวเชื่อว่ามีหลายประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลข แต่นอนนอนว่าตัวเลขต้องใกล้เคียงกันถึงจะมาพูดคุยกันได้

...

เชื่อรัฐบาลมีแผนรองรับ

ทั้งนี้ เมื่อถามว่าต้องมีการส่งเสริมกลุ่ม SME ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์โดยตรงใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหากนโยบายภาษีของทรัมป์ ไม่ได้รับการผ่อนปรน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องมีการช่วยเหลือกัน เชื่อว่าทีมงานจะศึกษาและดูแลเรื่องนี้อยู่ แต่สิ่งสำคัญคือตัวภาษีที่จะต้องมีการลดให้เทียบเท่ากับเวียดนามเสียก่อน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไทยจะมีมาตรการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำ  ส่วนหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าการรับมือของรัฐบาลนั้นเกิดความล่าช้า นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ต้องรวมใจกัน และเจรจาในวันที่ 1 ส.ค. นี้ ให้มีการลดภาษีลงให้ได้ อย่างน้อยให้ลดเหลือร้อยละ 20 เทียบเท่าเวียดนาม ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นประเด็นที่อยู่ในใจทุกๆ คนอยู่ ส่วนแผนงานรองรับอื่นๆ ก็ต้องตามมา

หากผิดเป้า ต้องทำโรดโชว์

อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ หากการเจรจาเป็นไปในเชิงบวก จะเป็นประเด็นที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หากไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ จะต้องมีการทำโรดโชว์ต่างๆ นำข้อดีของประเทศไทยไปเสนอต่างชาติ

นทท.ตกเพราะความปลอดภัย

นายเศรษฐายังกล่าวต่อว่าช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปพบปะกับผู้ประกอบการ SME ซึ่งส่วนมากก็จะสะท้อนเรื่องของนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่ตกลงไปก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย และนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับการดูแลและความเป็นธรรม ส่วนมาตรการกระตุ้นถือเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำให้ดีขึ้น

งงกาสิโนยังไม่เกิด เกี่ยวอะไรนทท.ตก

ส่วนข้อมูลที่ระบุว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะของจีนที่ลดลงไปมากนั้นก็ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันว่าใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับช่วงไฮซีซั่น ยอมรับว่าก็ตกลงไปพอสมควร ส่วนปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดหายไปจะเป็นไปอย่างที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยบอกว่าเป็นเพราะการเดินหน้านโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ และการเปิดให้มีกาสิโนนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่าคาสิโนยังไม่เกิดเลยแล้วนักท่องเที่ยวจะมาได้ยังไง ซึ่งเมื่อวานนี้(9 ก.ค. 2568)นายกรัฐมนตรีก็ตอบชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องของความมั่นใจและความปลอดภัยซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้มเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น และเมื่อสามวันก่อน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ และผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ได้ลงพื้นที่สุขุมวิทโมเดล ระหว่างซอย 3-ซอย 21 จัดระเบียบแผงลอยสินค้าที่ไม่ถูกต้อง ทั้งเซ็กส์ทอยและยาเสพติด กัญชา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตนเองก็เชื่อว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่นักท่องเที่ยวดูอยู่ ซึ่งเชื่อว่ามีแผนจะกระจายไปในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างเชียงใหม่และที่ภูเก็ต