ผลสำรวจดุสิตโพล คนอยากเห็น ครม.ใหม่ แก้ปัญหาค่าครองชีพ-เศรษฐกิจ แต่กังวลบุคคลประวัติไม่โปร่งใส-ความขัดแย้งภายในรัฐบาล พร้อมมองว่า แก้ปัญหาภาษีทรัมป์ไม่ได้


วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ครม.ชุดใหม่และภาษีทรัมป์” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,191 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 (ข้อ 1 และข้อ 2 ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)

1. ผลงานหรือนโยบายใดที่ประชาชน “อยากเห็น” คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เร่งดำเนินการ

  • อันดับ 1 แก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ 65.41%
  • อันดับ 2 ช่วยเหลือภาคการเกษตร 52.73%
  • อันดับ 3 แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน 50.80%
  • อันดับ 4 ปฏิรูปและเร่งพัฒนาด้านการศึกษา 49.12%
  • อันดับ 5 ปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย ทำงานเร็ว 48.03%


2. เรื่องใดที่ประชาชน “กังวลมากที่สุด” เกี่ยวกับ ครม.ชุดใหม่

  • อันดับ 1 มีบุคคลที่ประวัติไม่โปร่งใส ความสามารถไม่ตรงกับงาน 62.97%
  • อันดับ 2 ความขัดแย้งภายในอาจกระทบเสถียรภาพรัฐบาล 60.62%
  • อันดับ 3 ไม่เข้าใจปัญหาปากท้องของประชาชน 57.35%


3. เมื่อเทียบกับ ครม.ชุดที่ผ่านมา ประชาชนคิดว่าการทำงานของ ครม.ชุดใหม่ จะเป็นอย่างไร

  • อันดับ 1 อาจจะแย่กว่าที่ผ่านมา 41.56%
  • อันดับ 2 ยังไม่สามารถประเมินได้ 35.01%
  • อันดับ 3 อาจจะดีกว่าที่ผ่านมา 23.43%

...


4. กรณี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% ประชาชนคิดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใด

  • อันดับ 1 มาก 50.04%
  • อันดับ 2 ปานกลาง 34.76%
  • อันดับ 3 น้อย 11.00%
  • อันดับ 4 ไม่มีผลกระทบ 4.20%


5. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลไทยจะเจรจาแก้ไขปัญหาภาษีทรัมป์ 36% ได้หรือไม่

  • อันดับ 1 แก้ไม่ได้ 50.63%
  • อันดับ 2 แก้ไขได้ 28.97%
  • อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 20.40%


ทางด้าน นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจทั้งเรื่อง ครม.ชุดใหม่ และภาษีทรัมป์ สะท้อนภาพเดียวกันว่า รัฐบาลยังเผชิญความคาดหวังสูงจากประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจซึ่งเป็นความหวังหลัก ขณะเดียวกันก็มีความกังวลต่อ ครม. และศักยภาพรัฐบาลในการรับมือแรงกดดันจากภายนอกจากกรณีภาษีทรัมป์ ที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ความไม่มั่นใจต่อการเจรจาจึงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ขณะที่ ผศ.ยอดชาย ชุติกาโม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่ในเวลานี้ สิ่งที่ประชาชนอยากเห็น ครม.ชุดใหม่เร่งดำเนินการหนีไม่พ้นการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ยังมีความกังวลใจถึงความรู้ความสามารถที่ไม่ตรงกับงาน ความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับตัวบุคคลที่มาเป็นรัฐมนตรี เมื่อเปรียบกับ ครม.ชุดที่ผ่านมา ประชาชนเชื่อว่า ครม.ชุดใหม่อาจแย่กว่า สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นอย่างรุนแรงต่อ ครม.ชุดใหม่

ส่วนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก คนไทยมีความกังวลมากถึง 50.04% กรณีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยถึง 36% ซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยให้ย่ำแย่ลงไปอีก สิ่งที่ ครม.ชุดใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้ นอกจากปัญหาของตัวนายกรัฐมนตรีเอง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหานโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ที่ยังหาความชัดเจนไม่ได้ แม้ว่าจะประกาศออกมารายวันแต่นโยบายก็ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ครม.ชุดใหม่สมควรจะต้องกลับมาทบทวนบทบาทของตนเองว่าได้ทำอย่างเต็มที่หรือไม่ และต้องใช้วิกฤตินี้พิสูจน์ว่ามีความจริงใจต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติ นั่นคือความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทุกคนมากกว่าการแก้ไขปัญหาการเมืองภายในเพื่อยืดระยะเวลารัฐบาลเอาตัวรอดไปวันๆ