“สนธิ ลิ้มทองกุล” ซัดพรรคส้มปากเก่งเพราะไม่เคยบริหารบ้านเมือง ลองเป็นรัฐบาลจะรู้ว่าทำงานไม่เป็น ชี้ “ทักษิณ” รู้ข้อเสนอ “ทรัมป์” แต่ไม่พูด ปลุกม็อบใหญ่อีกครั้ง ก.ย. หรือ ต.ค.นี้
วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในงานเสวนา “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ครั้งที่ 3 ในช่วงหนึ่ง ว่า พวกเราอยู่ในวงการมายามานาน โดนโฆษณาชวนเชื่อ ตนน่าจะเป็นคนแรกๆ ที่บอกว่า ถ้าอยากดูเนื้อแท้ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ให้เป็นรัฐบาลสักสมัยหนึ่ง แล้วจะรู้ว่าพวกนี้ไม่มีอะไรเลย ทำงานก็ไม่เป็น และเชื่อว่าพรรคนี้เมื่อได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ทุกอย่างพังทลายหมด แล้วเราค่อยสร้างใหม่ ทีนี้จะไม่มีใครลุ่มหลงและคลั่งไคล้พวกนี้อีกต่อไป มันปากเก่งเพราะไม่เคยบริหารชาติบ้านเมือง
นายสนธิ กล่าวต่อไป ตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนไปหมดจากนโยบายกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่มีข้อเสนอมาประมาณ 3-4 ข้อ ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด เพราะรู้ว่าถ้าพูดหรือแสดงจุดยืนเมื่อไหร่บ้านแตกทันที ซึ่งตามกระแส ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้ข้อเสนอมา 4 ข้อ คือ 1. ปล่อยตัว ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการสัญชาติอเมริกัน 2. ให้ประชาชนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่องหรือเปิดฟรีเรื่อง ม.112 ส่วนข้อ 3. ห้ามไม่ให้ประเทศไทยส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน และ 4. ขอใช้พังงาเป็นฐานทัพเรือสหรัฐฯ
...
ส่วนที่นายทักษิณ พูดบนเวที 55 ปี NATION ผ่าทางตันประเทศไทย และบอกว่ามีความลับเรื่องความมั่นคงแต่ไม่ขอพูดแสดงว่านายทักษิณรู้เรื่องแล้ว คำถามคือนายทักษิณจะไปที่บ้านพิษณุโลกทำไม ตำแหน่งคืออะไร นี่เป็นการครอบงำหรือไม่ และการชุมนุมวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องจิ๊บๆ ตนกำลังสงสัยว่าคนไทยทั้งประเทศจะลุกฮือ เพราะนายทักษิณทรยศต่อชาติ และกำลังคิดว่าจะทรยศต่อชาติอย่างไรถึงจะเนียน เพราะพลาดเรื่อง สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชามาแล้ว
“วันนี้พี่น้องจะต้องภูมิใจ เพราะสนธิคือศัตรูหมายเลข 1 ของกัมพูชา ประเทศอะไรไม่เคยมีมาก่อน เป็นชนเผ่าเร่ร่อน ทุกอย่างที่มีอยู่ทุกวันนี้เป็นของสยามประเทศทั้งสิ้น แล้วถูกฝรั่งเศสเข้ามายึดครอง เคยมีที่ไหนประเทศกัมพูชา เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปให้เกียรติมันเลยสักนิดเดียว”
ขณะเดียวกัน นายสนธิยังกล่าวว่า ภายในกันยายนถึงตุลาคมนี้เราจะเห็นอะไรดีๆ เราจะเห็นกระบวนการที่ยิ่งใหญ่กว่าวันที่ 28 มิถุนายนหลายร้อยเท่า.