“ณัฐพงษ์” เรียกร้องพรรคการเมืองอื่นรับหลักการร่างนิรโทษกรรม บอกหากยังมีความเห็นแตกต่าง อย่าโหวตคว่ำ แต่ให้งดออกเสียง เชื่อเป็นการเปิดประตูหาทางออกให้ประเทศ ปลดชนวนความขัดแย้งตลอด 20 ปี
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า วันนี้มีการพิจารณาในสภาฯ หลายอย่าง เช่น ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม การยืนยันในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติตามที่ ส.ส.เสนอไป รวมถึงร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน โดยร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ตนเชื่อว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ตัวแทนจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาล หรือฝ่ายประชาชน เห็นตรงกันว่าประเทศเราควรมีกฎหมายนิรโทษกรรม
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เราเห็นตรงกันแล้วว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองได้ฉุดรั้งประเทศไทยและฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด ไม่ว่าจะการรัฐประหาร 2 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ นายกรัฐมนตรี 9 คน มีคนที่บาดเจ็บล้มตายหลายร้อยคน รวมถึงคนที่ได้รับความสูญเสียและผลกระทบอีกหลายพันคน ประเทศไทยเสียหายไปหลายแสนล้านบาทจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า เราเห็นตรงกันว่า วันนี้ถ้าเราไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม เราอาจจะไม่สามารถปลดชนวนระเบิดความขัดแย้งที่รอวันประทุในวันหน้าได้ รวมถึงความขัดแย้งในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมานั้น ยังเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศด้วย ฉะนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องความกล้าหาญ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ซีกพรรคการเมืองใด อยากจะเรียกร้องให้ทุกคนลงคะแนนเสียงเพื่อเปิดประตูให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านการพิจารณาเข้าสู่วาระ 2 ในทุกๆ ร่าง
...
“แน่นอนที่สุดว่า การเรียกร้องความกล้าหาญในวันนี้ แม้หลายพรรคจะยังไม่สะดวกใจที่จะสามารถโหวตรับได้ในทุกร่าง ตามเสียงที่พรรคประชาชนเรียกร้องไป แต่ผมเชื่อว่า ยังมีวิธีโหวต วิธีการลงคะแนนเสียงในสภาฯ วันนี้ที่อาจจะไม่ได้ขัดกับความรู้สึกของแต่ละคนมากเท่าใดนัก แต่ยังเป็นทางออกให้กับสภาฯ ที่จะสามารถพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแต่ละร่างได้ทั้ง 5 ร่าง ในวาระที่ 2 นั่นคือการโหวตรับร่างของตัวเองเพื่อยืนยัน และโหวตรับร่างที่คิดว่าเป็นสิ่งที่รับได้ เช่น ร่างกฎหมายของภาคประชาชน หากใครคิดว่าสามารถรับหลักการได้ ก็โหวตรับไปเลย” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันร่างที่เรายังคงเห็นแตกต่างกันอยู่ ไม่ควรที่จะมาโหวตคว่ำ หรือปิดกั้นความคิดเห็น หรือความเห็นที่ยังแตกต่างอยู่ของภาคส่วนอื่นๆ เรายังใช้ทางเลือกในการโหวตงดออกเสียงในร่างที่เรายังเห็นแตกต่างกันอยู่ได้ เพราะการลงคะแนนเสียงแบบนี้ คือการยืนยันในหลักการของร่างที่เราเห็นด้วย และงดออกเสียงในร่างที่ยังเห็นต่าง ซึ่งจะเป็นกุญแจและประตูสำคัญ ที่จะทำให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 5 ฉบับได้ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 เพื่อเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า การลงมติในวันนี้ ไม่ใช่การที่เราแสดงออกว่าเราไม่เห็นด้วยกับใคร แต่เราต้องยืนยันว่าเราเห็นด้วยว่าประเทศนี้ต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม ดังนั้น การลงมติตรงนี้ ไม่ใช่เวทีที่เราจะมาแสดงออกถึงการจงรักภักดี หรือไม่จงรักภักดี หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่เราต้องหาทางออกร่วมกัน สมานฉันท์กัน การผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีการเลือกปฏิบัติ ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นการปลดชนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต จึงอยากจะส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคอื่นๆ ที่ได้แสดงออกถึงจุดยืนของตัวเองแล้ว ว่าจริงๆ แล้ว ยังมีทางออกในสภาอยู่
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีมติชัดเจนว่า จะไม่รับร่างใดเลย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามหน้าข่าวที่ออกมา สิ่งที่มีความชัดเจน คือมีหลายคนที่ระบุว่า ไม่สะดวกใจ หรือหลายพรรคไม่สะดวกใจ ในเรื่องการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพวกเรายังยืนยันว่า ข้อเห็นต่างเรื่องนี้ยังคงไปพูดคุยกันในวาระที่ 2 ได้ ดังนั้น ข้อแตกต่างนี้ควรจะลงมติงดออกเสียงในร่างที่ตนเองยังมีความไม่สะดวกใจอยู่ แต่ไม่ควรที่จะโหวตคว่ำ เพราะจะเป็นการปิดประตู หรือความคิดเห็นของภาคส่วนอื่นๆ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ระบุอาจเปิดกลไกเพิ่ม ซึ่งอาจหมายถึงการเพิ่มเติมในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นที่รับฟังได้ ในเรื่องการรับหลักการของทั้ง 4 ร่าง ที่ยังไม่ได้รวมร่างของพรรคภูมิใจไทย หลักการเปิดไว้ค่อนข้างกว้าง ฉะนั้น หากมีร่างใดร่างหนึ่งที่ผ่านการพิจารณาเข้าไป ก็จะเป็นการเปิดประตูให้เราสามารถถกเถียงในรายละเอียดอื่นๆ ได้ ขอยืนยันอีกครั้งว่า อยากให้การลงมติในวันนี้ ลงมติด้วยใจที่เปิดกว้าง